เรนเจอร์ (Ranger)
ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูดิบเถื่อน มนุษย์ผู้หนึ่งเคลื่อนที่ไปตามเงาไม้ คอยแกะรอยตามล่าพวกออร์คที่เขารู้มาว่าพวกมันกำลังวางแผนจะเข้าปล้นสดมภ์ฟาร์มที่อยู่ใกล้เคียง ด้วยดาบสั้นที่กระชับในมือ เขากลายเป็นดั่งพายุหมุนเหล็ก พัดเฉือนร่างเหล่าออร์คล้มตายเรียงตัว
หลังจากตีลังกาหลบหลีกลมเย็นยะเยือก เอลฟ์สาวกลับมายืนมั่นคงอีกครั้ง เธอคว้าธนูและง้างปล่อยลูกศรไปยังมังกรขาว เธอสลัดความหวาดกลัวจากไอเย็นที่แผ่ออกมาจากเจ้ามังกร พร้อมส่งลูกศรรัวยิงไปที่รอยต่อระหว่างเกล็ดของมัน
เขาชูแขนขึ้นสูง ฮาล์ฟเอลฟ์หนุ่มผิวปากเรียกเหยี่ยวที่บินวนสูงเหนือหัวเขาให้กลับมาหา เขากระซิบคำสั่งด้วยภาษาเอลฟ์และชี้ไปยังอาวล์แบร์ที่เขาตามรอยมา เขาส่งเจ้าเหยี่ยวไปทำให้หมีไขว้เขวพร้อมกับง้างธนูพร้อมยิง
ณ ดินแดนห่างไกลจากเมืองและหมูบ้าน ผ่านรั้วไม้ที่ป้องกันบ้านไร่ที่ห่างไกลจากความน่ากลัวจากป่าลึก ท่ามกลางป่าหนาทึบไกลสุดลูกหูลูกตาและทุ่งรกร้างกว้างใหญ่ เรนเจอร์ยังคงคอยเฝ้าระวังอยู่เสมอ
นักล่าสุดอันตราย (Deadly Hunters)
นักรบแห่งพงไพร เรนเจอร์เชี่ยวชาญในการตามล่ามอนสเตอร์ที่คอยคุกคามดินแดนสุดขอบความเจริญ พวกโจรมนุษย์นักปล้นสดมภ์ สัตว์ป่าและสัตว์ประหลาดที่อาละวาดไปทั่ว ยักษ์อันธพาล และมังกรร้าย พวกเขาเรียนรู้ที่จะตามรอยเหยื่อเหมือนกับพวกนักล่า เคลื่อนที่อย่างลอบเร้นผ่านแนวป่าและซ่อนตัวท่ามกลางพุ่มไม้และแนวหิน เรนเจอร์มุ่งเน้นการฝึกฝนเทคนิคการต่อสู้ที่มีประโยชน์เฉพาะเพื่อใช้กับเหยื่อที่พวกเขาถนัด
ต้องขอบคุณความคุ้นเคยกับป่าของพวกเขา เหล่าเรนเจอร์ได้รับความสามารถในการร่ายคาถาที่ใช้พลังจากธรรมชาติ คล้ายกับที่เหล่าดรูอิดทำได้ คาถาของพวกเขาเป็นดั่งเช่นความสามารถในการต่อสู้ เน้นไปที่ความเร็ว การลอบเร้น และการล่า เรนเจอร์ที่มีพรสวรรค์และความสามารถจะได้รับการฝึกฝนเน้นภาระกิจที่สำคัญในการป้องกันดินแดน
นักผจญภัยผู้อิสระ (Independent Adventurers)
แม้ว่าเรนเจอร์จะหาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นนักล่า เป็นไกด์ หรือนักแกะรอย หน้าที่ที่แท้จริงของเรนเจอร์คือการปกป้องดินแดนที่ห่างไกลความเจริญจากการทำลายล้างของเหล่ามอนสเตอร์และกองกำลังมนุษย์ที่บุกรุกเข้ามาจากแดนทุรกันดาน ในบางพื้นที่ เรนเจอร์รวมตัวกันเป็นภาคีลับหรือร่วมมือกับเหล่าดรูอิดเซอร์เคิล เรนเจอร์หลายคน แม้ว่าจะไม่ขึ้นกับใคร ก็ยังรู้ว่า เมื่อมังกรหรือกองโจรออร์คเข้าโจมตี เรนเจอร์มักจะเป็นด่านหน้าและอาจจะเป็นด่านสุดท้ายของแนวป้องกัน
ความเป็นอิสระอย่างแรงกล้านี้ทำให้เรนเจอร์เหมาะกับการผจญภัย เพราะพวกเขาคุ้นชินกับชีวิตที่อยู่ห่างจากเตียงอบอุ่นและน้ำร้อนให้อาบ เมื่อต้องเจอกับนักผจญภัยจากในเมืองที่บ่นถึงความลำบากในการใช้ชีวิตในถิ่นทุรกันดาน เรนเจอร์ก็มักจะขบขัน รำคาญ และเห็นใจ แต่พวกเขาก็เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วว่านักผจญภัยคนอื่นก็แบกภาระของตัวเองไว้เหมือนกัน คนเมืองที่อาจจะไม่รู้จักหาอาหารหรือน้ำดื่มได้เองในป่า แต่พวกเขาก็สามารถเอาตัวรอดได้ด้วยวิธีของตัวเอง
การสร้างเรนเจอร์ (Creating a Ranger)
เมื่อคุณสร้างตัวละครเรนเจอร์ พิจารณาถึงธรรมชาติของการฝึกฝนที่ทำให้คุณมีความสามารถเป็นเรนเจอร์ คุณได้รับการฝึกจากครูคนเดียว ท่องไปในพงไพรด้วยกันจนกระทั่งคุณเชี่ยวชาญในวิถีแห่งเรนเจอร์ คุณออกจากการฝึกฝน หรือเพราะครูของคุณถูกฆ่า อาจจะเป็นมอนสเตอร์ชนิดเดียวกันจึงทำให้มันกลายเป็นมอนสเตอร์ที่คุณเน้นล่าเป็นพิเศษ หรือคุณอาจจะเรียนรู้ทักษะจากการเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังเรนเจอร์ที่ทำงานร่วมกับเหล่าดรูอิด ได้รับการฝึกฝนทั้งในสายเวทย์มนต์และตำนานป่า คุณอาจจะเรียนรู้ด้วยตัวเอง เป็นผู้สันโดษที่เรียนทักษะการต่อสู้ การตามรอย และแม้แต่การสร้างสายสัมพันธ์ทางเวทย์มนต์กับธรรมชาติผ่านการใช้ชีวิตและเอาตัวรอดในป่า
อะไรเป็นสาเหตุของความเกลียดชังศัตรูประเภทใดประเภทหนึ่งเป็นพิเศษของคุณ? สัตว์ประหลาดฆ่าคนที่คุณรักหรือทำลายหมู่บ้านบ้านเกิดของคุณหรือไม่? หรือคุณเห็นการทำลายล้างที่สัตว์ประหลาดเหล่านี้ก่อไว้มากเกินไปและมุ่งมั่นที่จะควบคุมการทำลายล้างของมัน? อาชีพนักผจญภัยของคุณเป็นงานต่อเนื่องจากงานของคุณในการปกป้องดินแดนชายแดนหรือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ? อะไรทำให้คุณเข้าร่วมกับกลุ่มนักผจญภัย? คุณพบว่าการสอนพันธมิตรใหม่เกี่ยวกับวิถีแห่งป่าเป็นเรื่องท้าทายหรือไม่ หรือคุณยินดีกับความโล่งใจจากความโดดเดี่ยวที่พวกมันมอบให้?
สร้างอย่างเร็ว (Quick Build)
คุณสามารถสร้างเรนเจอร์ได้อย่างรวดเร็วโดยทำตามคำแนะนำดังนี้ อย่างแรก ให้ความคล่องแคล่ว (Dexterity) เป็นความสามารถสูงสุด ตามด้วยความรอบรู้ (Wisdom) (เรนเจอร์บางคนที่เน้นการใช้ดาบสองมือจะให้ความแข็งแกร่ง (Strength) เป็นค่าที่มากกว่าความคล่องแคล่ว) อย่างที่สอง เลือกภูมิหลังเป็นคนต่างแดน (outlander)
ความสามารถของคลาส
เมื่อเป็นเรนเจอร์ คุณจะได้รับความสามารถของคลาสดังนี้
ฮิตพอยต์
ฮิตไดซ์: 1d10 ต่อเลเวลเรนเจอร์
ฮิตพอยต์เมื่อเลเวล 1: 10 + ค่าโมดิไฟเออร์ความอดทน (Constitution)
ฮิตพอยต์เมื่อเลเวลสูงขึ้น: 1d10 (หรือ 6) + ค่าโมดิไฟเออร์ความอดทน (Constitution) ต่อเลเวลเรนเจอร์มากกว่าเลเวล 1
ความเชี่ยวชาญ
เกราะ: เกราะเบา, เกราะกลาง, โล่
อาวุธ: อาวุธพื้นฐาน, อาวุธศึก
เครื่องมือ: ไม่มี
การทอยป้องกัน: ความแข็งแกร่ง (Strength), ความคล่องแคล่ว (Dexterity)
ทักษะ: เลือก 3 ทักษะจาก Animal Handling, Athletics, Insight, Investigation, Nature, Perception, Stealth, and Survival
อุปกรณ์
คุณจะเริ่มด้วยอุปกรณ์ดังต่อไปนี้ เพิ่มเติมจากอุปกรณ์ที่ได้รับจากภูมิหลัง:
- (a) เกราะเกล็ด หรือ (b) เกราะหนัง
- (a) ดาบสั้น 2 เล่ม หรือ (b) อาวุธพื้นฐาน 2 ชิ้น
- (a) ชุดอุปกรณ์นักตะลุยดันเจียน หรือ (b) ชุดอุปกรณ์นักสำรวจ
- ธนูยาวและลูกศร 20 ดอก
ศัตรูตัวโปรด (Favored Enemy)
เริ่มที่เลเวล 1 คุณมีประสบการณ์ในการศึกษา, ตามรอย, ไล่ล่า และแม้แต่สื่อสารกับศัตรูเฉพาะชนิดนั้น
เลือกชนิดศัตรูที่เป็นตัวโปรดของคุณ: สิ่งมีชีวิตต่างมิติ (aberrations), สัตว์ป่า (beasts), เทวะ (celestials), เครื่องจักร (constructs), มังกร (dragons), วิญญาณธาตุ (elementals), ภูติ (fey), ปีศาจ (fiends), ยักษ์ (giants), สัตว์ประหลาด (monstrosities), สิ่งมีชีวิตเหลว (oozes), พืช (plants), หรืออันเดด (undead) หรือ คุณสามารถเลือกเผ่าพันธุ์รูปร่างมนุษย์อีก 2 เผ่า (เช่น โนล (gnoll) และออร์ค (orcs)) เป็นศัตรูตัวโปรด
คุณจะได้ทอยทดสอบความสามารถด้านความรอบรู้ (การเอาตัวรอด) (Wisdom - Survival) แบบได้เปรียบในการตามรอยศัตรูตัวโปรดของคุณ และทอยแบบได้เปรียบในการทอยทดสอบความฉลาด (Intelligence) เมื่อต้องนึกถึงข้อมูลเกี่ยวกับพวกมัน
เมื่อคุณได้ความสามารถนี้ คุณจะได้เรียนรู้ภาษาเพิ่ม 1 ภาษาตามแต่ที่คุณเลือก ซึ่งเป็นภาษาที่ศัตรูตัวโปรดของคุณใช้ได้ ถ้ามันรู้ภาษาใด ๆ
คุณจะได้เลือกศัตรูตัวโปรดได้เพิ่มอีก 1 ชนิด พร้อมด้วยภาษาที่เรียนรู้ได้เมื่อถึงเลเวล 6 และ 14 เมื่อคุณเลเวลเพิ่มขึ้น ตัวเลือกของคุณควรจะสะท้อนถึงชนิดของศัตรูที่คุณได้ต่อสู้ด้วยระหว่างการผจญภัย
นักสำรวจโดยธรรมชาติ (Natural Explorer)
คุณมีความคุ้นเคยกับพื้นที่ทางธรรมชาติแบบหนึ่งเป็นอย่างมากและชำนาญการเดินทางและเอาตัวรอดในสภาพพื้นที่นั้นได้อย่างดี เลือกหนึ่งชนิดพื้นที่ที่คุณชำนาญ: ขั้วโลกเหนือ (arctic), ชายฝั่ง (coast), ทะเลทราย (desert), ป่า (forest), ทุ่งหญ้า (grassland), ภูเขา (mountain), บึง (swamp), หรือ อันเดอร์ดาร์ก (the Underdark) เมื่อคุณต้องทอยทดสอบความฉลาด (Intelligence) หรือ ความรอบรู้ (Wisdom) ที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ที่คุณชำนาญ ค่าโบนัสความเชี่ยวชาญจะเป็นสองเท่าถ้าคุณใช้ทักษะที่คุณมีความเชี่ยวชาญ
เมื่อคุณเดินทางเป็นเวลา 1 ชั่วโมงหรือมากกว่าในพื้นที่ที่คุณชำนาญ คุณจะได้รับผลพิเศษดังนี้:
- พื้นที่ทุรกันดาร (difficult terrain) จะไม่ทำให้การเดินทางของทั้งกลุ่มช้าลง
- กลุ่มของคุณจะไม่หลงทางยกเว้นโดยผลจากเวทย์มนต์
- แม้ว่าคุณจะทำกิจกรรมอื่นนอกเหนือจากการเดินทาง (เช่น หาของป่า (foraging), การนำทาง (navigating), หรือการตามรอย (tracking)), คุณจะยังตื่นตัวกับภัยอันตรายรอบตัว
- ถ้าคุณเดินทางลำพัง คุณจะเคลื่อนที่แบบลอบเร้น (stealthily) ด้วยความเร็วปกติ
- เมื่อคุณเก็บของป่า (foraging) คุณจะได้อาหารมากเป็นสองเท่าจากการหาได้ตามปกติ
- ขณะที่ออกตามรอย คุณจะรู้จำนวนแน่นอนของพวกมัน ขนาด และพวกมันผ่านพื้นที่ไปนานแค่ไหนแล้ว
คุณจะเลือกพื้นที่ที่ชำนาญได้เพิ่มเติมเมื่อเลเวล 6 และเลเวล 10
รูปแบบการต่อสู้ (Fighting Style)
You can’t take a Fighting Style option more than once, even if you later get to choose again. ที่เลเวล 2 คุณจะรับรูปแบบการต่อสู้มาเป็นความสามารถพิเศษ เลือกจากตัวเลือกในรายการดังต่อไปนี้ คุณจะไม่สามารถเลือกรูปแบบการต่อสู้ได้มากกว่าหนึ่งครั้ง แม้ว่าคุณจะได้เลือกอีกครั้ง
การใช้ธนู (Archery)
คุณจะได้โบนัส +2 กับการทอยโจมตีด้วยอาวุธระยะไกล
การป้องกัน (Defense)
เมื่อคุณใส่เกราะ คุณจะได้โบนัส +1 ให้ AC
การดวล (Dueling)
เมื่อคุณถืออาวุธระยะประชิดในมือหนึ่งและไม่ได้ถืออาวุธอื่น คุณจะได้โบนัส +2 ในการทอยความเสียหายจากอาวุธนั้น
การใช้ดาบสองมือ (Two-Weapon Fighting)
เมื่อคุณโจมตีด้วยการใช้ดาบสองมือ คุณสามารถเพิ่มค่าโมดิไฟเออร์ความสามารถไปในค่าความเสียหายของการโจมตีที่สอง
การใช้คาถา (Spellcasting)
เมื่อคุณถึงเลเวล 2 คุณจะได้เรียนรู้ถึงการใช้เวทย์มนต์บริสุทธิ์จากธรรมชาติในการร่ายคาถา คล้ายกับที่ดรูอิดใช้ ดู บทที่ 10 สำหรับกฏทั่วไปในการใช้คาถา และบทที่ 11 สำหรับคาถาของเรนเจอร์
สล็อตคาถา (Spell Slots)
ตารางเรนเจอร์แสดงถึงจำนวนสล็อตคาถาที่คุณมีในการใช้คาถาเรนเจอร์ของเลเวล 1 และที่สูงขึ้น ในการใช้คาถาเหล่านี้คุณต้องจ่ายเป็นสล็อตคาถาของเลเวลคาถานั้นหรือเลเวลสูงกว่า คุณจะได้รับสล็อตที่ใช้ไปเมื่อคุณจบการพักยาว
ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณรู้คาถาเลเวล 1 เป็นมิตรกับสัตว์ (animal friendship) และมีสล็อตคาถาเลเวล 1 และ 2 อยู่ คุณสามารถร่ายคาถา เป็นมิตรกับสัตว์ (animal friendship) ด้วยสล็อตใดก็ได้
คาถาที่รู้จักสำหรับเลเวล 1 และสูงกว่า
คุณจะรู้คาถาเลเวล 1 จำนวน 2 คาถาจากรายการคาถาของเรนเจอร์
ในคอลัมภ์ คาถาที่รู้จัก ในตารางเรนเจอร์แสดงถึงว่าคุณจะได้เรียนรู้คาถาเพิ่มเติมได้เมื่อใด แต่ละคาถาจะต้องมีสล็อตคาถาในเลเวลเดียวกันรองรับ ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณถึงเลเวล 5 ในคลาสนี้ คุณสามารถเรียนคาถาใหม่ที่เลเวล 1 หรือ 2 ได้อีก 1 คาถา
นอกจากนั้น เมื่อคุณได้เลเวลเพิ่มในคลาสนี้ คุณสามารถเลือกคาถาเรนเจอร์ที่คุณรู้อยู่แล้ว และแทนที่ด้วยคาถาใหม่จากรายการ ซึ่งต้องเป็นคาถาที่คุณมีสล็อตคาถาในเลเวลเดียวกัน
ความสามารถที่ใช้ในการร่ายคาถา (Spellcasting Ability)
คุณจะใช้ความรอบรู้ (Wisdom) เป็นความสามารถในการร่ายคาถาเรนเจอร์ เพราะเวทย์มนต์ที่คุณใช้เป็นการยืมพลังจากการเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ คุณจะใช้ค่าความรอบรู้ (Wisdom) เมื่อใดก็ตามที่คาถาระบุถึงค่าความสามารถที่ใช้ในการร่ายคาถา (spellcasting ability) นอกเหนือจากนั้น คุณจะใช้ค่าโมดิไฟเออร์ความรอบรู้เมื่อต้องตั้งค่าความยากในการป้องกันคาถา (spell DC) และเมื่อจะใช้ในการทอยโจมตีด้วยคาถา
ค่าความยากในการป้องกันคาถา (Spell save DC) = 8 + ค่าความเชี่ยวชาญ (proficiency bonus) + ค่าโมดิไฟเออร์ความรอบรู้ (Wisdom)
ค่าโมดิไฟเออร์การทอยโจมตีด้วยคาถา (Spell attack modifier) = ค่าความเชี่ยวชาญ (proficiency bonus) + ค่าโมดิไฟเออร์ความรอบรู้ (Wisdom)
แม่แบบเรนเจอร์ (Ranger Archetype)
ที่เลเวล 3 คุณจะได้เลือกแม่แบบที่คุณมุ่งฝึกฝนให้สำเร็จ: นักล่า (Hunter) หรือ ผู้ใช้สัตว์ (Beast Master) ทั้งสองมีรายละเอียดด้านล่างนี้ ตัวเลือกที่คุณเลือกจะให้ความสามารถเพิ่มเติมเมื่อคุณเลเวล 3 อีกครั้งเมื่อเลเวล 7, 11 และ 15
การระวังตัวแบบสัตว์ป่า (Primeval Awareness)
เริ่มที่เลเวล 3 คุณสามารถใช้แอ็คชันและใช้สล็อตคาถา 1 สล็อตในการทำสมาธิเพื่อรับรู้ระวังสิ่งแวดล้อมรอบตัว เป็นเวลา 1 นาทีต่อเลเวลของสล็อตคาถาที่คุณใช้ คุณสามารถจะรับรู้ได้ว่ามีสิ่งมีชีวิตชนิดเหล่านี้ในระยะ 1 ไมล์รอบตัวคุณ (หรือในระยะ 6 ไมล์หากคุณอยู่ในพื้นที่ที่ชำนาญ (favored terrain)): สิ่งมีชีวิตต่างมิติ (aberrations), เทวะ (celestials), มังกร (dragons), วิญญาณธาตุ (elementals), ภูติ (fey), ปีศาจ (fiends), และอันเดด (undead) ความสามารถนี้จะไม่เปิดเผยตำแหน่งหรือจำนวนของสิ่งมีชีวิต
คะแนนความสามารถเพิ่ม (Ability Score Improvement)
เมื่อคุณถึงเลเวล 4 และอีกครั้งเมื่อเลเวล 8, 12, 16 และ 19 คุณสามารถเพิ่มคะแนนความสามารถหนึ่งอย่างตามที่คุณเลือกได้ 2 คะแนน หรือเพิ่ม 1 คะแนนให้กับสองทักษะก็ได้ โดยปกติแล้วคุณจะไม่สามารถเพิ่มคะแนนความสามารถได้มากกว่า 20 หากใช้คุณลักษณะนี้
การโจมตีพิเศษ (Extra Attack)
เริ่มที่เลเวล 5 คุณสามารถโจมตีได้ 2 ครั้ง แทนที่จะเป็นครั้งเดียว เมื่อใดก็ตามที่คุณเลือกใช้แอ็คชันโจมตีในเทิร์นของคุณ
นักบุกเบิก (Land’s Stride)
เริ่มที่เลเวล 8 การเคลื่อนที่ผ่านพื้นที่ทุรกันดาร (difficult terrain) ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเวทย์มนต์ จะใช้ค่าการเคลื่อนที่เท่ากับการเดินทางในพื้นที่ปกติ คุณยังสามารถผ่านป่าไม้ที่ไม่เป็นป่าเวทย์มนต์โดยการเคลื่อนที่จะไม่ช้าลงและจะไม่ได้รับความเสียหายจากหนาม กิ่งคม หรืออุปสรรคอย่างอื่น
นอกจากนี้ คุณยังได้ทอยป้องกันแบบได้เปรียบต่อพืชที่ถูกสร้างด้วยเวทย์มนต์หรือถูกปรับแต่งให้ชะลอการเคลื่อนที่ เช่นพืชที่สร้างโดยคาถา พัวพัน (entangle)
ซ่อนในที่แจ้ง (Hide in Plain Sight)
เริ่มที่เลเวล 10 คุณสามารถใช้เวลา 1 นาทีในการสร้างอุปกรณ์พรางตัวให้ตัวคุณเอง คุณต้องสามารถเข้าถึงโคลนสด, ดิน, ต้นไม้, เขม่าควัน, และวัสดุธรรมชาติอื่น ๆ ที่เอามาทำการพรางตัวได้
เมื่อคุณพรางตัวด้วยวิธีนี้ คุณสามารถพยายามซ่อนตัวด้วยการแนบตัวไปกับพื้นที่ที่มีพื้นผิวแข็ง เช่นต้นไม้หรือกำแพงที่มีขนาดอย่างน้องเท่ากับความสูงและความกว้างของตัวคุณ คุณจะได้รับโบนัส +10 ให้ทอยทดสอบความคล่องแคล่ว (การลอบเร้น (Stealth)) ตราบใดที่คุณอยู่นิ่งในบริเวณนั้นโดยไม่เคลื่อนที่หรือใช้แอ็คชันใด เมื่อคุณเคลื่อนที่หรือใช้แอ็คชันหรือใช้รีแอ็คชันคุณต้องทำการพรางตัวอีกครั้งเพื่อให้ได้ผลพิเศษนี้
หายตัว (Vanish)
เริ่มที่เลเวล 14 คุณสามารถใช้แอ็คชัน “ซ่อนตัว” (Hide) ด้วยโบนัสแอ็คชันในเทิร์นของคุณ และคุณยังจะไม่สามารถถูกตามรอยได้ด้วยวิธีการที่ไม่ใช้เวทย์มนต์ช่วย ยกเว้นคุณเลือกที่จะทิ้งร่องรอยไว้
ประสาทสัมผัสของสัตว์ร้าย (Feral Senses)
ที่เลเวล 18 คุณจะมีประสาทสัมผัสที่เหนือธรรมชาติที่จะช่วยให้คุณสู้กับศัตรูที่มองไม่เห็น เมื่อคุณโจมตีสิ่งมีชีวิตที่คุณมองไม่เห็น คุณจะได้ทอยโจมตีปกติไม่ติดการทอยแบบเสียเปรียบแม้จะมองไม่เห็น
คุณยังสามารถรับรู้ได้ถึงตำแหน่งของสิ่งมีชีวิตที่ล่องหนในระยะ 30 ฟุตรอบตัวคุณ เสมือนว่าสิ่งมีชีวิตนั้นไม่ได้ล่องหนจากคุณและคุณต้องไม่ได้ตาบอดหรือหูหนวก
ผู้กำจัดศัตรู (Foe Slayer)
ที่เลเวล 20 คุณจะกลายมาเป็นนักล่าผู้หาใดเปรียบของศัตรูของคุณ หนึ่งครั้งในแต่ละเทิร์นของคุณ คุณสามารถเพิ่มค่าโมดิไฟเออร์ความรอบรู้ (Wisdom) ให้กับการทอยโจมตีหรือการทอยความเสียหายในการโจมตีที่คุณทำต่อศัตรูตัวโปรด คุณสามารถเลือกที่จะใช้ความสามารถนี้ก่อนหรือหลังการทอยก็ได้ แต่ต้องก่อนที่ผลกระทบการการทอยจะถูกนำไปใช้
ต้นแบบเรนเจอร์ (Ranger Archetypes)
อุดมคติของเรนเจอร์แสดงออกมาเป็นรูปแบบคลาสสิกสองแบบ: นักล่า (Hunter) และผู้ใช้สัตว์ (Beast Master)
นักล่า (Hunter)
การฝึกฝนตามแม่แบบของนักล่า (Hunter) หมายถึงการรับเอาหน้าที่ในการเป็นด่านหน้าระหว่างความเจริญกับความน่าสะพรึงของแดนเถื่อน เมื่อคุณก้าวเดินในทางเดินของนักล่า คุณจะได้เรียนรู้เทคนิคพิเศษในการสู้กับอันตรายที่คุณต้องเผชิญ ตั้งแต่โอเกอร์คลั่งอาละวาดและกองทัพออร์ค ไปจนถึงยักษ์ร่างสูงตระหง่านและมังกรอันน่าสะพรึงกลัว
เหยื่อของนักล่า (Hunter’s Prey)
ที่เลเวล 3 คุณจะสามารถเลือกความสามารถหนึ่งอย่างจากรายการดังนี้
นักฆ่าสัตว์ยักษ์ (Colossus Slayer). ความดื้อรั้นของคุณสามารถโค่นศัตรูที่มีพลังได้อย่างเหลือเชื่อ เมื่อคุณโจมตีโดนสิ่งมีชีวิตด้วยอาวุธ สิ่งมีชีวิตจะได้รับความเสียหายพิเศษเพิ่ม 1d8 หากมันมีฮิตพอยต์ต่ำกว่าค่าสูงสุด คุณสามารถทำความเสียหายนี้ได้ครั้งเดียวในแต่ละเทิร์น
นักฆ่ายักษ์ (Giant Killer). เมื่อมีสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ (Large) หรือใหญ่กว่านั้นในระยะ 5 ฟุต โจมตีโดนคุณหรือโจมตีพลาด คุณสามารถใช้รีแอ็คชันในการโจมตีสวนสิ่งมีชีวิตนั้นได้ทันทีหลังจากการโจมตีของมัน โดยคุณต้องสามารถมองเห็นสิ่งมีชีวิตนั้นได้
นักทำลายฝูงสัตว์ (Horde Breaker). ครั้งหนึ่งในเทิร์นของคุณเมื่อคุณใช้อาวุธโจมตี คุณสามารถโจมตีอีกครั้งได้ด้วยอาวุธเดิมโดยโจมตีศัตรูตัวอื่นในระยะ 5 ฟุตจากเป้าหมายแรกและอยู่ในระยะอาวุธของคุณ
กลยุทธการป้องกัน (Defensive Tactics)
ที่เลเวล 7 คุณจะสามารถเลือกความสามารถหนึ่งอย่างจากรายการดังนี้
หนีจากฝูงสัตว์ (Escape the Horde). การโจมตีโดยสบโอกาส (Opportunity attacks) ที่โจมตีคุณจะเป็นการทอยแบบเสียเปรียบ
การป้องกันการโจมตีชุด (Multiattack Defense). เมื่อสิ่งมีชีวิตโจมตีถูกคุณด้วยแอ็คชันโจมตี คุณจะได้โบนัส +4 ให้ AC ต่อการโจมตีที่ตามมาหลังจากนั้นที่เกิดจากสิ่งมีชีวิตนั้นจนจบเทิร์น
ใจเหล็ก (Steel Will). คุณจะได้ทอยป้องกันแบบได้เปรียบเมื่อต้องทอยป้องกันความกลัว (frightened)
การโจมตีชุด (Multiattack)
ที่เลเวล 11 คุณจะสามารถเลือกความสามารถหนึ่งอย่างจากรายการดังนี้
ยิงสะท้อน (Volley). คุณสามารถใช้แอ็คชันในการโจมตีด้วยอาวุธยิงระยะไกล โจมตีสิ่งมีชีวิตจำนวนเท่าใดก็ตามที่อยู่ในระยะ 10 ฟุตจากจุดที่คุณมองเห็น ภายในระยะอาวุธของคุณ คุณต้องมีกระสุนพอสำหรับทุกเป้าหมาย และเหมือนกับการโจมตีปกติ คุณต้องทอยโจมตีแยกกันในแต่ละเป้าหมาย
โจมตีแบบพายุหมุน (Whirlwind Attack). คุณสามารถใช้แอ็คชันของคุณในการโจมตีแบบประชิดตัว โจมตีศัตรูทุกตัวในระยะ 5 ฟุตรอบตัวคุณ โดยทอยโจมตีแยกตามเป้าหมาย
การป้องกันของนักล่าแบบเหนือชั้น (Superior Hunter’s Defense)
ที่เลเวล 15 คุณจะสามารถเลือกความสามารถหนึ่งอย่างจากรายการดังนี้
การหลบหลีก (Evasion). เมื่อคุณตกเป็นเป้าจากผลของการโจมตี เช่นลมหายใจเพลิงของมังกรแดงหรือคาถาสายฟ้าฟาด (lightning bolt) ที่ต้องให้คุณทอยป้องกันด้านความคล่องแคล่ว (Dexterity) เพื่อรับความเสียหายครึ่งหนึ่ง คุณจะไม่ได้รับความเสียหายเลยถ้าคุณทอยป้องกันผ่าน และได้รับครึ่งเดียวหากทอยไม่ผ่าน
ยืนขวางคลื่น (Stand Against the Tide). เมื่อศัตรูโจมตีคุณในประยะประชิดพลาด คุณสามารถใช้รีแอ็คชันในการบังคับให้สิ่งมีชีวิตนั้นโจมตีแบบเดิมอีกครั้ง แต่เป็นการโจมตีศัตรูตัวอื่น (ที่ไม่ใช่ตัวมันเอง) ตามที่คุณเลือก
การหลบหลีกได้อย่างประหลาด (Uncanny Dodge). เมื่อคุณถูกโจมตีโดนโดยศัตรูที่คุณมองเห็นได้ คุณสามารถใช้รีแอ็คชันลดความเสียหายลงได้ครึ่งหนึ่ง
ผู้ใช้สัตว์ (Beast Master)
แม่แบบผู้ใช้สัตว์ (Beast Master) เป็นการรวมกันจากมิตรภาพระหว่างเผ่าพันธุ์ที่เจริญกับสัตว์ป่าแห่งพงไพร เดินทางร่วมกันด้วยเป้าหมายเดียว สัตว์ป่าและเรนเจอร์ร่วมกันต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่รุกรานถิ่นเจริญและปกป้องดินแดนธรรมชาติ
คู่หูของเรนเจอร์ (Ranger’s Companion)
ที่เลเวล 3 คุณจะได้รับคู่หูสัตว์ป่า (beast) ที่จะร่วมผจญภัยไปกับคุณและจะได้รับการฝึกฝนการต่อสู้ร่วมกับคุณด้วย เลือกสัตว์ป่าที่มีขนาดไม่ใหญ่กว่าขนาดกลาง (Medium) และมีอัตราความท้าทาย (CR) 1/4 หรือต่ำกว่า (ภาคผนวก D แสดงข้อมูลของเหยี่ยว (hawk), สุนัขมัสทิฟ (mastiff) และเสือดำ (panther) เป็นต้น) เพิ่มโบนัสความเชี่ยวชาญให้ AC ของคู่หู, การทอยโจมตี และการทอยความเสียหาย เพิ่มให้การทอยป้องกันและการทอยทดสอบที่มันมีความเชี่ยวชาญด้วย ค่าฮิตพอยต์สูงสุดจะเท่ากับฮิตพอยต์ในสแต็ทบล็อกหรือเป็น 4 เท่าของเลเวลเรนเจอร์ ซึ่งก็มากพอสมควร เหมือนกับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ มันสามารถใช้ฮิตไดซ์ (Hit dice) ระหว่างการพักสั้นเพื่อฟื้นฟูฮิตพอยต์ของมัน
คู่หูสัตว์ป่าจะฟังคำสั่งของคุณอย่างเต็มที่เท่าที่มันทำได้ มันจะใช้เทิร์นของมันตามค่าลำดับการต่อสู้ของคุณ ในเทิร์นของคุณ คุณสามารถสั่งด้วยเสียงให้คู่หูเคลื่อนที่ไปที่ตำแหน่งที่ต้องการ (ไม่ต้องใช้แอ็คชันของคุณ) คุณสามารถใช้แอ็คชันในการส่งเสียงสั่งมันให้ใช้แอ็คชัน, พุ่งตัว, ผละหนี หรือช่วยเหลือ ถ้าคุณไม่ได้สั่งคำสั่งใด สัตว์คู่หูจะใช้แอ็คชันหลบหลีก เมื่อคุณมีความสามารถ “การโจมตีพิเศษ (Extra Attack feature)” คุณสามารถโจมตีด้วยอาวุธ 1 ครั้งและสั่งให้สัตว์คู่หูโจมตีด้วย
ถ้าคุณไร้ความสามารถ (incapacitated) หรือหายตัวไป สัตว์คู่หูจะทำตามความคิดของตัวเอง โดยมุ่งไปที่การป้องกันคุณและตัวมันเอง สัตว์คู่หูจะไม่ต้องใช้คำสั่งของคุณในการใช้รีแอ็คชันของมัน เช่นการโจมตีแบบสบโอกาส (opportunity attack)
เมื่อคุณเดินทางบนพื้นที่ที่คุณเชี่ยวชาญ (favored terrain) กับสัตว์คู่หูไปตามลำพัง คุณสามารถเคลื่อนที่แบบลอบเร้นได้ด้วยความเร็วปกติ
ถ้าสัตว์คู่หูตาย คุณสามารถได้สัตว์ตัวใหม่โดยใช้เวลา 8 ชั่วโมงในการผูกมิตรกับสัตว์ตัวใหม่ที่ไม่เป็นศัตรูกับคุณและตรงตามเงื่อนไข
การฝึกฝนแบบพิเศษ (Exceptional Training)
เริ่มที่เลเวล 7 ในเทิร์นใดก็ได้ของคุณเมื่อสัตว์คู่หูไม่ได้โจมตี คุณสามารถใช้โบนัสแอ็คชันในการสั่งให้สัตว์คู่หู พุ่งตัว, ผละหนี หรือช่วยเหลือได้ในเทิร์นของมัน
นอกจากนั้น การโจมตีของสัตว์คู่หูจะถือเป็นการโจมตีแบบเวทย์มนต์ (magical) โดยมีจุดประสงค์ให้เลี่ยงการต้านทานและภูมิคุ้มกันความเสียหายจากการโจมตีแบบไม่ติดเวทย์มนต์
ความโกรธเกรี้ยวของสัตว์ป่า (Bestial Fury)
เริ่มที่เลเวล 11 เมื่อคุณออกคำสั่งให้สัตว์คู่หูใช้แอ็คชันโจมตี สัตว์คู่หูสามารถโจมตีได้ 2 ครั้ง หรือมันสามารถใช้ “การโจมตีชุด (Multiattack)” ได้หากมันมีความสามารถนี้
ใช้คาถาร่วมกัน (Share Spells)
เริ่มที่เลเวล 15 เมื่อคุณใช้คาถาที่มีเป้าหมายเป็นตัวคุณเอง คุณสามารถให้ผลไปเกิดกับสัตว์คู่หูด้วยได้หากมันอยู่ในระยะ 30 ฟุตจากคุณ