บลัดฮันเตอร์ (Blood Hunter)
ร่างเต็มไปด้วยบาดแผลแต่ก็ยังมุ่งมั่น หน้าตาบูดเบี้ยวของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ ฮาล์ฟออร์คกดนิ้วจมลงในเลือดจากบาดแผลของเขา และวาดอักขระเรืองแสงสีทับทิมในอากาศระหว่างเขาและสัตว์ยักษ์เลือดโชกที่กำลังเผชิญหน้ากัน เขาเอื้อมจับสัญลักษณ์ที่ลอยไร้น้ำหนัก พลิกมือหมุนปลดปล่อยกระแสพลังงานมืดดำที่แทรกเข้าในเส้นเลือดของมอนสเตอร์ และปลดปล่อยคำสาปเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบ
ฮาล์ฟเอลฟ์ลึกลับสวมผ้าคลุมขาดและเกราะหนังเก่ากำลังตรวจสอบพื้นที่เหตุสังหารหมู่ริมถนนอย่างระมัดระวัง ดวงตาของเธอวาววาบเมื่อเธอพบบางอย่างจากการพิจารณาภาพเหตุการณ์อันสยดสยอง ทันใดนั้น เธอลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว มั่นใจแล้วว่าสิ่งใดเป็นต้นเหตุการนองเลือดนี้ รู้ว่าจะพบเจอมันได้ที่ใดและรู้ว่าเธอมีเวลาน้อยแค่ไหนก่อนที่มันจะเริ่มฆ่าอีกครั้ง
ก้าวเข้าสู่โถงห้องไร้แสง ฝุ่นผงโบราณและเสียงกระซิบลอยในอากาศ ฮาล์ฟลิ่งสาวจับสัญญาณอันตรายได้จากกองกระดูกและกรงเล็บที่อยู่ใกล้กับก้อนหิน เธอสะดุ้งขึ้นพร้อมกับเฉือนมือตัวเอง คมมีดบางเฉียบเปลี่ยนเลือดให้เป็นอักขระเรืองแสงแห่งเวทย์มนต์ทรงพลัง เตรียมพร้อมประทับตราให้ศัตรูของเธอมอดไหม้
บลัดฮันเตอร์ หรือพรานโลหิตเป็นนักรบผู้ชาญฉลาดได้รับแรงผลักดันจากความมุ่งมันที่จะกำจัดความชั่วร้ายทั้งจากอดีตและปัจจุบัน อาวุธของพวกเขาคือพิธีกรรมในการใช้เวทย์โลหิตศักดิ์สิทธิ์และความตั้งมั่นที่จะเสียสละพลังชีวิตและความเป็นมนุษย์ของตนเพื่อสิ่งนี้ พวกเขาปกป้องอาณาจักรจากเงามืด แต่พวกเขาเองก็ต้องต่อสู้กับการถูกดึงลงสู่ความืดมิดที่กลืนกินมอนสเตอร์ที่พวกเขาไล่ล่า
เสียสละเพื่อรักษาชีวิต
ไกลจากสายตาจ้องจับผิดของผู้คนในสังคม บลัดฮันเตอร์เรียนรู้ฝึกฝนเทคนิคลับที่เรียกว่า ฮีโมคราฟท์ (hemocraft) หรือศาสตร์โลหิต พวกเขาพบว่าเวทย์โลหิตนั้นแปลกประหลาดและมีผลกับสิ่งชั่วร้ายที่ต้านทานพลังทำลายของเวทย์ศักดิ์สิทธิ์หรืออำนาจของวิทยเวทย์ โดยการศึกษาและฝึกฝนอย่างระมัดระวัง บลัดฮันเตอร์ก็ยกระดับพิธีกรรมศาสตร์โลหิตขึ้นจนนำมาใช้ในการต่อสู้ได้ โดยการแลกพลังชีวิตส่วนหนึ่งของตนเพื่อใช้เสกคำสาปโลหิตเข้าสู่ศัตรู หรืออัญเชิญพลังธาตุมาช่วยในการโจมตี ยอมแม้จะต้องเจ็บปวดทรมานไม่ว่าจะอย่างไรเพื่อชัยชนะ นักรบเหล่านี้เคี่ยวกรำตนเองเพื่อให้บรรลุพลังสูงสุดเพื่อใช้ปกป้องผู้บริสุทธิ์
* วิทยเวทย์ = Arcane Magic ศาสตร์แห่งเวทมนตร์ที่ต้องอาศัยการเรียนรู้ลึกซึ้งและเป็นระบบ (ง่อวว)
สู้มอนสเตอร์ด้วยมอนสเตอร์
ไม่ว่าจะมีแรงผลักดันจากความต้องการการเปลี่ยนแปลง, ต้องการแก้แค้น, หรือหวังว่าจะได้พบกับที่ทางของตัวเองในโลกที่ไร้ความเมตตา บลัดฮันเตอร์ทุกคนมีเหตุผลเป็นของตัวเองที่ตัดสินใจเข้าร่วมพิธีฮันเตอร์สเบน ที่เป็นก้าวแรกของพวกเขาในเส้นทางนักล่านี้ ในการเข้าร่วมกับภาคีบลัดฮันเตอร์ คนผู้นั้นต้องเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวที่ผูกพันด้วยการช่วยเหลือกันและกันและมีจุดมุ่งหมายร่วมกัน สำหรับหลายคนนี่อาจเป็นครอบครัวเดียวที่พวกเขามีเหลืออยู่หรือเคยรู้จัก ทำให้ความรู้สึกผูกพันระหว่างบลัดฮันเตอร์แนบแน่นจนแยกไม่ออก
ภายนอกนั้นแม้จะมีไมตรีจิตภายในภาคี อย่างไรก็ตาม, ชีวิตของบลัดฮันเตอร์นั้นไม่ง่ายนัก พิธีฮันเตอร์สเบนนั้นอาจจะทำให้รูปลักษณ์ของผู้ผ่านพิธีเปลี่ยนไป และอาจทำให้ผู้คนรอบตัวไม่อยากอยู่ใกล้ และเช่นกัน เมื่อได้พบเห็นการใช้ศาสตร์โลหิตที่สามารถก่อให้เกิดความหวาดกลัวในลางร้ายแม้กับผู้มีความรู้คงแก่เรียน ขณะที่หลายวัฒนธรรมยอมรับถึงสิ่งดีงามที่เกิดจากภาคีบลัดฮันเตอร์ นักล่าหลายคนก็ยังเลือกที่จะซุกซ่อนความสามารถของตนไว้และแสดงออกมาเมื่อถึงคราวจำเป็นยิ่งยวดเท่านั้น พวกเขารู้สึกผ่อนคลายเมื่ออยู่ในพงไพรหรือดินแดนห่างผู้คน, หรือท่องเที่ยวไปในแถบชนบท คอยปกป้องคนยากไร้และไร้ทางสู้จากความชั่วร้ายและปีศาจกระหายเลือด
ในการเลือกเส้นทางสายนี้ บลัดฮํนเตอร์ทุกคนต้องมอบบางส่วนของพวกเขาไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทางกายภาพ ทางอารมณ์ และบางครั้งทางจริยธรรม แต่ละภาคีของบลัดฮันเตอร์ฝึกฝนตามแนวทางอุดมคติและวิธีการของพวกเขาเอง บ่อยครั้งเป็นการใช้วิธีการที่เกี่ยวเนื่องกับต้นกำเนิดมืดดำที่จะทดสอบความแข็งแกร่งและจิตใจของผู้ปฏิบัติ หลายคนต้องต่อสู้กับความรู้สึกหวาดกลัวที่จะต้องพ่ายแพ้กลางทาง และชีวิตมุ่งมันตื่นตัวก็ผลักดันให้บลัดฮันเตอร์ออกเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ เพื่อค้นหานักผจญภัยที่มีความคิดเหมือนกันและตามล่าผู้ทำชั่ว
สร้างบลัดฮันเตอร์
เมื่อคุณสร้างตัวละครบลัดฮันเตอร์ ให้คิดถึงว่าทำไมคุณถึงเลือกใช้ชีวิตแบบนี้ และทำไมคุณถึงละทิ้งทุกสิ่งและหันหน้าเข้าสู่การไล่ล่าความชั่วร้าย คุณตามหาจุดมุ่งหมายของชีวิตหรือความปลอดภัย ซึ่งคุณจะพบได้เมื่ออยู่ท่ามกลางสมาชิกภาคีที่รับคุณเข้ามา? หรือคุณมีเมล็ดพันธุ์แห่งความมืดติดตัวคุณมาด้วย ทำให้คุณต้องหาคนที่จะมาคอยดูและป้องกันไม่ให้คุณถลำลงสู่มัน? หรือคุณเคยเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์ผู้ที่หันหลังให้ความศรัทธาและถูกขับออกมา แม้ว่าคุณจะพยายามอุทิศตนให้แก่การปกป้องผู้บริสุทธิ์?
คุณมีความสัมพันธ์อย่างไรกับพลังของศาสตร์โลหิตและความสามารถที่มันจะให้ได้? หรือคุณเคารพและหวาดกลัวอำนาจโบราณที่พุ่งพล่านอยู่ในเลือดของคุณ โอบรับพรสวรรค์นี้ของคุณและใช้มันอย่างอิสระ? คุณกังวลว่าพลังนี้สักวันมันจะเปลี่ยนคุณให้กลายเป็นหนึ่งในมอนสเตอร์ที่คุณไล่ล่าอยู่หรือไม่? หรือการศึกษาและฝึกฝนทำให้คุณมั่นใจว่าจะทำให้คุณสามารถควบคุมพรสวรรค์นี้เพื่อใช้ในทางที่ดีได้?
นอกจากนั้น อะไรที่ทำให้คุณออกจากชีวิตปกติในภาคีเพื่อมาผจญภัยด้วยตัวเอง? คุณจะกลับไปมั๊ย? หรือคุณตัดสินใจแล้วว่าจะออกเดินทางไป? ความแข็งแกร่งหรือสิ่งใดที่คุณตามหาในนักผจญภัยคนอื่นที่สามารถช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายได้?
แม้ว่าบลัดฮันเตอร์ส่วนใหญ่จะเดินตามเส้นทางแห่งความดีงามหรือเป็นกลางในการใช้ชีวิต บางคนก็หันหน้าเข้าสู่ความมืด, ถูกยั่วยวนด้วยด้านมืดแห่งศาสตร์โลหิต บลัดฮันเตอร์เหล่านี้ใช้ความสามารถของพวกเขาเพื่อตัวเองและจุดประสงค์ที่ชั่วร้าย มักจะจบลงที่การต้องถูกขับไล่ออกจากภาคีที่ฝึกสอนพวกเขามา
สร้างอย่างเร็ว
คุณสามารถสร้างบลัดฮันเตอร์อย่างรวดเร็วได้โดยทำตามคำแนะนำดังนี้ อย่างแรก ให้ใส่คะแนนความสามารถสูงสุดไว้ที่ความแข็งแกร่ง (Strength) หรือความคล่องแคล่ว (Dexterity) ขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการเน้นไปที่อาวุธระยะประชิดหรือการใช้ธนู (หรืออาวุธ ชั้นเชิง (finesse)) คะแนนความสามารถลำดับต่อไปควรจะใส่ให้ความฉลาด (Intelligence) ถ้าคุณมีแผนจะเน้นการใช้คำสาปโลหิตและพลังเวทย์มนต์, หรือความอดทน (Constitution) ถ้าคุณต้องการฮิตพอยต์เพิ่มขึ้นเพื่อใช้ความสามารถผ่านการสังเวยเลือด อย่างที่สอง, เลือกภูมิหลังเป็น ทหาร (soldier) หรือ เด็กข้างถนน (urchin)
บลัดฮันเตอร์
กฏเสริม: การทำมัลติคลาส (การผสมคลาส)
ถ้ากลุ่มเล่นเกมของคุณใช้ กฏการผสมคลาส (multiclassing rules) จาก คู่มือผู้เล่น และนี่คือสิ่งที่คุณต้องรู้หากคุณเลือกบลัดฮันเตอร์เป็นหนึ่งในคลาสของคุณ
คะแนนความสามารถขั้นต่ำ เมื่อเป็นตัวละครคลาสผสม คุณต้องมีคะแนนความแข็งแกร่ง (Strength) หรือความคล่องแคล่ว (Dexterity) 13 และคะแนนความฉลาด (Intelligence) 13 เพื่อเพิ่มเลเวลหนึ่งในคลาสนี้ หรือเพิ่มเลเวลในคลาสอื่นหากคุณเป็นบลัดฮันเตอร์อยู่แล้ว
ความชำนาญเพิ่มขึ้น ถ้าบลัดฮันเตอร์ไม่ได้เป็นคลาสตั้งต้นของคุณ คุณจะได้รับความชำนาญ (proficiency) ตามรายการนี้เมื่อคุณเพิ่มเลเวลแรกเป็นบลัดฮันเตอร์: เกราะเบา (light armor), เกราะกลาง (medium armor), โล่ (shields), อาวุธพื้นฐาน (simple weapons), อาวุธสงคราม (martial weapons), และชุดอุปกรณ์นักเล่นแร่แปรธาตุ (alchemist’s supplies)
การทำคลาสผสมกับวอร์ล็อค ถ้าบลัดฮันเตอร์ของคุณเป็นส่วนหนึ่งของภาคีแห่งวิญญาณต้องสาป (Order of the Profane Soul) และมีคลาสวอร์ล็อคด้วย ให้เพิ่มหนึ่งในสามของเลเวลบลัดฮันเตอร์ (ปัดเศษลง) เพิ่มไปในเลเวลวอร์ล็อคของคุณและเทียบกับ ตารางความสามารถวอร์ล็อค ใน คู่มือผู้เล่น เพื่อหาจำนวนสล็อคคาถารวม, คาถาแคนทริปที่รู้, และเลเวลของสล็อตคาถา คุณควรพิจารณาใช้คุณสมบัติผู้อุปถัมภ์จากต่างโลกที่เหมือนกันในทั้งสองคลาส แต่ DM ของคุณอาจจะอนุญาตให้คุณมีผู้อุปถัมภ์สองชนิดต่างกันได้
ตัวเลือกเพิ่มเติมสำหรับคะแนนความสามารถในการใช้ศาสตร์โลหิต
เมื่อเป็นบลัดฮันเตอร์ คุณจะใช้ค่าโมดิไฟเออร์ความฉลาด (Intelligence) ในการใช้งานความสามารถของคลาสและคลาสย่อย อย่างไรก็ตาม หาก DM ของคุณอนุญาต คุณสามารถใช้ค่าโมดิไฟเออร์ความรอบรู้ (Wisdom) แทนได้สำหรับความสามารถของบลัดฮันเตอร์ที่คุณใช้ค่าโมดิไฟเออร์ความฉลาด (Intelligence)
ฮิตพอยต์
ฮิตไดซ์: 1d10 ต่อเลเวลบลัดฮันเตอร์
ฮิตพอยต์เมื่อเลเวล 1: 10 + ค่าโมดิไฟเออร์ความอดทน (Constitution)
ฮิตพอยต์เมื่อเลเวลสูงขึ้น: 1d10 (หรือ 6) + ค่าโมดิไฟเออร์ความอดทน (Constitution) ต่อเลเวลบลัดฮันเตอร์ที่มากกว่า 1
ความชำนาญ
เกราะ: เกราะเบา (Light armor), เกราะกลาง (medium armor), โล่ (shields)
อาวุธ: อาวุธพื้นฐาน (Simple weapons), อาวุธสงคราม (martial weapons)
เครื่องมือ: ชุดอุปกรณ์นักเล่นแร่แปรธาตุ (Alchemist’s supplies)
การทอยป้องกัน: ความคล่องแคล่ว (Dexterity), ความฉลาด (Intelligence)
ทักษะ: เลือก 3 ทักษะจาก กายกรรม (Acrobatics), รู้ศาสตร์โบราณ (Arcana), การกรีฑา (Athletics), ประวัติศาสตร์ (History), การมองทะลุ (Insight), การสืบสวน (Investigation), การศาสนา (Religion), และ การเอาตัวรอด (Survival)
อุปกรณ์
คุณจะเริ่มต้นด้วยอุปกรณ์เหล่านี้ เพิ่มเติมจากอุปกรณ์ที่คุณได้จากภูมิหลัง:
- อาวุธสงครามหนึ่งชิ้น หรืออาวุธพื้นฐาน 2 ชิ้น
- หน้าไม้เบา (light crossbow) และ ลูกศร (bolts) 20 ดอก
- เกราะหนังตอกหมุด (studded leather armor) หรือ ชุดเกราะเกล็ด (scale mail armor)
- ชุดอุปกรณ์นักสำรวจ (explorer’s pack) และ ชุดอุปกรณ์นักเล่นแร่แปรธาตุ (alchemist’s supplies)
พิธีฮันเตอร์สเบน (Hunter’s Bane)
ที่เลเวล 1, คุณรอดมาจากพิธีฮันเตอร์สเบนอันแสนอันตราย เป็นพิธียาวนานที่เปลี่ยนเลือดในตัวคุณ สร้างพันธสัญญาที่ผูกมัดคุณไว้กับความมืดมิดและยกระดับประสาทสัมผัสของคุณให้เหนือมนุษย์ตลอดไป คุณจะได้ทอยทดสอบความรอบรู้ (Wisdom) ทักษะ การเอาตัวรอด (Survival) แบบได้เปรียบ ในการตามรอยหาสิ่งมึชีวิตจำพวกเฟย์, ฟีนด์, หรืออันเดด รวมถึงการทอยทดสอบความฉลาด (Intelligence) เมื่อต้องฟื้นความทรงจำเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตเหล่านี้
ฮันเตอร์สเบนยังเพิ่มพลังให้ร่างกายคุณในการควบคุมและใช้งานเวทย์มนต์ศาสตร์โลหิต โดยใช้เลือดและพลังชีวิตของคุณเองเป็นเชื้อเพลิงให้กับความสามารถของคุณ ความสามารถบางอย่างจะบังคับให้เป้าหมายต้องทอยป้องกันเพื่อหลบหลีกจากผลของเวทย์มนต์ ค่าความยากในการทอยป้องกัน (saving throw DC) จะคำนวนตามนี้:
ระดับความยากในการทอยป้องกันศาสตร์โลหิต (Hemocraft save DC) = 8 + ค่าโบนัสความชำนาญ + ค่าโมดิไฟเออร์คะแนนความสามารถในการใช้ศาสตร์โลหิต
(คุณเลือกได้ระหว่างความฉลาด (Intelligence) หรือความรอบรู้ (Wisdom))
มนต์โลหิตต้องสาป (Blood Maledict)
ที่เลเวล 1 ด้วยเหมือนกัน คุณจะได้รับความสามารถในการใช้งาน-หรือบางครั้งเป็นการสังเวย-ส่วนหนึ่งของพลังชีวิตในการสาปและควบคุมสิ่งมีชีวิตผ่านทางเวทย์มนต์ศาสตร์โลหิต คุณจะรู้คำสาปโลหิตหนึ่งอย่างตามที่คุณเลือก รายละเอียดในส่วน “คำสาปโลหิต (Blood Curses)” ในส่วนท้ายของคำอธิบายคลาส คุณจะได้เลือกเรียนรู้คำสาปโลหิตเพิ่มขึ้นเมื่อคุณเลเวล 6, 10, 14 และ 18 แต่ละครั้งที่คุณเรียนรู้คำสาปโลหิตใหม่ คุณสามารถเลือกคำสาปหนึ่งอย่างที่คุณรู้และสับเปลี่ยนกับที่คุณเลือกไว้
แต่ละครั้งที่คุณใช้มนต์โลหิตต้องสาป คุณจะเลือกคำสาปที่จะใช้จากรายการคำสาปที่คุณรู้ ขณะที่เริ่มใช้คำสาปโลหิตแต่ก่อนที่ผลของมันจะเกิดกับเป้าหมาย คุณสามารถเลือกเพิ่มฤทธิ์ให้คำสาปเป็นความเสียหายแบบเน่าสลาย (necrotic damage) เท่ากับการทอยลูกเต๋าศาสตร์โลหิตหนึ่งลูก ความเสียหายนี้ไม่สามารถลดลงได้ไม่ว่าทางใด คำสาปเสริมฤทธิ์นี้จะมีผลพิเศษเพิ่มเติม รายละเอียดในคำอธิบายในแต่ละคำสาป สิ่งมีชีวิตที่ไม่มีเลือดจะมีภูมิคุ้มกันต่อคำสาปโลหิต เว้นแต่ว่าคุณทำการเสริมฤทธิ์ให้คำสาปแล้ว
เมื่อคุณใช้ความสามารถนี้แล้ว คุณต้องจบการพักสั้นหรือพักยาวก่อนที่คุณจะใช้มันได้อีกครั้ง คุณสามารถใช้มนต์โลหิตต้องสาปได้ 2 ครั้งระหว่างการพักเมื่อคุณเลเวล 6, 3 ครั้งเมื่อคุณเลเวล 13, และ 4 ครั้งเมื่อคุณเลเวล 17
สไตล์การต่อสู้ (Fighting Style)
ที่เลเวล 2 คุณจะเรียนรู้สไตล์การต่อสู้มาเป็นความสามารถพิเศษ เลือกหนึ่งในรายการนี้ คุณจะไม่สามารถเลือกตัวเลือกเดียวกันซ้ำได้อีกแม้ว่าคุณจะได้เลือกอีกครั้งก็ตาม
การใช้ธนู (Archery)
คุณจะได้รับโบนัส +2 ในการทอยโจมตีด้วยอาวุธระยะไกล
การดวล (Dueling)
เมื่อคุณถืออาวุธระยะประชิดในมือข้างหนึ่งและไม่มีอาวุธอื่น คุณจะได้รับโบนัส +2 ในการทอยหาความเสียหายจากการโจมตีด้วยอาวุธนั้น
การต่อสู้ด้วยอาวุธใหญ่ (Great Weapon Fighting)
เมื่อคุณทอยได้ 1 หรือ 2 ในการทอยโจมตีด้วยอาวุธระยะประชิดที่คุณถือด้วยสองมือ คุณสามารถทอยโจมตีใหม่และต้องใช้ค่าใหม่ที่ได้ อาวุธต้องมีคุณสมบัติ สองมือ (two-handed) หรือ อเนกประสงค์ (versatile) จึงจะได้รับผลประโยชน์นี้
การต่อสู้ด้วยอาวุธสองมือ (Two-Weapon Fighting)
เมื่อคุณเข้าปะทะด้วยการใช้ การต่อสู้ด้วยอาวุธสองมือ (two-weapon fighting) คุณสามารถเพิ่มค่าโมดิไฟเออร์ความสามารถลงในค่าความเสียหายในการโจมตีที่สอง
พิธีกรรมสีชาติ (Crimson Rite)
ที่เลเวล 2 เช่นกัน คุณจะเรียนรู้การประกอบพิธีแห่งศาสตร์โลหิตที่จะประสาทพลังธาตุเข้ากับการโจมตีด้วยอาวุธของคุณ โดยการใช้โบนัสแอ็คชัน คุณสามารถเปิดใช้พิธีกรรมที่คุณรู้กับอาวุธที่คุณถืออยู่ ผลจากพิธีกรรมจะคงอยู่จนกว่าคุณจะจบการพักสั้นหรือพักยาว เมื่อคุณเปิดใช้พิธีกรรม คุณจะได้รับความเสียหายแบบเน่าสลายเท่ากับการทอยลูกเต๋าศาสตร์โลหิตหนึ่งลูก ความเสียหายนี้จะไม่สามารถลดลงได้ไม่ว่าทางใด
ขณะที่พิธีกรรมยังมีผลอยู่ การโจมตีที่คุณทำโดยใช้อาวุธนี้จะเป็นการโจมตีแบบเวทย์มนต์ และจะสร้างความเสียหายพิเศษเท่ากับค่าจากลูกเต๋าศาสตร์โลหิตตามเลเวลของคุณ และชนิดความเสียหายที่กำหนดโดยพิธีกรรมที่เลือก อาวุธสามารถมีพิธีกรรมที่เปิดใช้ได้เพียงหนึ่งอย่างต่อครั้ง สิ่งมีชีวิตอื่นจะไม่สามารถได้รับผลประโยชน์จากพิธีกรรมของคุณ
คุณเลือกพิธีกรรมหนึ่งจากรายการพิธีกรรมสีชาดด้านล่าง เมื่อคุณได้รับความสามารถนี้ครั้งแรก คุณจะเรียนรู้พิธีกรรมเพิ่มขึ้นได้เมื่อเลเวล 7 และได้รับอีกครั้งเมื่อเลเวล 14
พิธีกรรมแห่งไฟ (Rite of the Flame) ความเสียหายพิเศษจากพิธีกรรมของคุณจะเป็นความเสียหายจากไฟ
พิธีกรรมแห่งความเยือกแข็ง (Rite of the Frozen) ความเสียหายพิเศษจากพิธีกรรมของคุณจะเป็นความเสียหายจากความเย็น
พิธีกรรมแห่งพายุ (Rite of the Storm) ความเสียหายพิเศษจากพิธีกรรมของคุณจะเป็นความเสียหายจากสายฟ้า
พิธีกรรมแห่งความตาย (Rite of the Dead) ความเสียหายพิเศษจากพิธีกรรมของคุณจะเป็นความเสียหายจากการเน่าสลาย (สิ่งที่ต้องมีก่อน: เลเวล 14)
พิธีกรรมแห่งเทพพยากรณ์ (Rite of the Oracle) ความเสียหายพิเศษจากพิธีกรรมของคุณจะเป็นความเสียหายจากพลังจิต (สิ่งที่ต้องมีก่อน: เลเวล 14)
พิธีกรรมแห่งเสียงคำราม (Rite of the Roar) ความเสียหายพิเศษจากพิธีกรรมของคุณจะเป็นความเสียหายจากเสียงฟ้าผ่า (สิ่งที่ต้องมีก่อน: เลเวล 14)
ภาคีบลัดฮันเตอร์ (Blood Hunter Order)
ที่เลเวล 3 คุณจะอุทิศตนให้กับภาคีแห่งบลัดฮันเตอร์ซึ่งจะมอบหลักการใช้ชีวิตให้คุณ: ภาคีแห่งผู้ปราบผี (Order of the Ghostslayer), ภาคีแห่งผู้จำแลงกาย (Order of the Lycan), ภาคีแห่งผู้กลายพันธุ์ (Order of the Mutant), หรือ ภาคีแห่งวิญญาณต้องสาป (Order of the Profane Soul) แต่ละภาคีจะมีรายละเอียดอยู่ในตอนท้ายของคำอธิบายคลาส ตัวเลือกของคุณจะมอบความสามารถให้เมื่อเลเวล 7 และอีกครั้งเมื่อเลเวล 11, 15 และ 18
เพิ่มคะแนนความสามารถ (Ability Score Improvement)
เมื่อคุณถึงเลเวล 4 และอีกครั้งเมื่อคุณถึงเลเวล 8, 12, 16 และ 19 คุณสามารถเพิ่มคะแนนความสามารถหนึ่งอย่างตามที่คุณเลือกได้ 2 คะแนน หรือคุณจะเพิ่มคะแนนความสามารถสองอย่างตามที่คุณเลือกความสามารถละ 1 คะแนนก็ได้ โดยปกติแล้วคุณจะไม่สามารถเพิ่มคะแนนความสามารถได้เกิน 20 ด้วยความสามารถนี้
โดยใช้กฏการใช้คุณสมบัติเพิ่มเติม คุณสามารถเลือกคุณสมบัติอื่นแทนคุณสมบัตินี้ได้
การโจมตีพิเศษ (Extra Attack)
เริ่มที่เลเวล 5 คุณสามารถโจมตีได้ 2 ครั้ง แทนที่จะเป็นครั้งเดียว เมื่อใดก็ตามที่คุณใช้แอ็คชัน โจมตี (Attack) ในเทิร์นของคุณ
ตราประทับแห่งการลงทัณฑ์ (Brand of Castigation)
ที่เลเวล 6 เมื่อคุณสร้างความเสียหายให้สิ่งมีชีวิตด้วยอาวุธที่คุณเปิดใช้งานพิธีกรรมสีชาดไว้ คุณสามารถเชื่อมประสานพลังเวทย์ศาสตร์โลหิตในการตีตราประทับเวทย์มนต์ลงบนสิ่งมีชีวิตนั้น (ไม่ต้องใช้แอ็คชัน) คุณจะรู้ทิศทางของสิ่งมีชีวิตที่ถูกตีตราอยู่เสมอตราบใดที่มันยังอยู่บนภพภูมิเดียวกับคุณ นอกจากนั้น แต่ละครั้งที่สิ่งมีชีวิตที่ถูกตีตราสร้างความเสียหายแก่คุณหรือสิ่งมีชีวิตที่คุณมองเห็นได้ภายในระยะ 5 ฟุตจากคุณ สิ่งมีชีวิตที่ถูกตีตรานั้นจะได้รับความเสียหายจากพลังจิตเท่ากับค่าโมดิไฟเออร์ความสามารถที่ใช้ศาสตร์โลหิตของคุณ (น้อยสุด 1)
ตราประทับจะคงอยู่จนกว่าคุณจะยกเลิกมันหรือจนกว่าคุณจะใช้ความสามารถนี้กับสิ่งมีชีวิตอื่น ตราประทับของคุณสามารถถูกเพิกถอนได้ด้วยคาถา เพิกถอนเวทย์มนต์ (dispel magic) และมันจะถือว่าเป็นคาถาที่มีเลเวลเท่ากับครึ่งหนึ่งของเลเวลบลัดฮันเตอร์ (มากสุดเลเวล 9)
เมื่อใช้ความสามารถนี้แล้วคุณจะไม่สามารถใช้มันได้อีกจนกว่าจะจบการพักสั้นหรือพักยาว
ญาณหยั่งรู้แห่งความมืดมน (Grim Psychometry)
เมื่อคุณถึงเลเวล 9 คุณจะได้รับความสามารถเหนือธรรมชาติในการรับรู้ความลับที่อยู่รอบวัตถุโบราณลึกลับหรือสถานที่ที่เกี่ยวพันกับความชั่วร้าย เมื่อใดก็ตามที่คุณทอยทดสอบความฉลาด (Intelligence) ทักษะ รู้ประวัติศาสตร์ (History) เพื่อย้อนนึกถึงข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องชั่วร้ายหรือประวัติศาสตร์อันน่าเศร้าของวัตถุที่คุณสัมผัสหรือสถานที่ปัจจุบัน คุณจะได้ทอยแบบได้เปรียบ โดยการตัดสินใจของ DM ถ้าคุณทอยได้แต้มสูงพอตัวละครของคุณอาจจะได้รับภาพนิมิตรของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เชื่อมโยงกับวัตถุหรือสถานที่นั้น
การเสริมกำลังจากความมืด (Dark Augmentation)
เริ่มที่เลเวล 10 เวทย์มนต์ของศาสตร์โลหิตอาบชะโลมตัวคุณจนทำให้คุณแข็งแกร่งทนทานขึ้น ความเร็วของคุณจะเพิ่มขึ้น 5 ฟุต และคุณจะได้รับโบนัสในการทอยป้องกันความแข็งแกร่ง (Strength), ความคล่องแคล่ว (Dexterity) และความอดทน (Constitution) เท่ากับค่าโมดิไฟเออร์ความสามารถในการใช้ศาสตร์โลหิตของคุณ (น้อยสุด +1)
ตราประทับแห่งโซ่ตรวน (Brand of Tethering)
เริ่มที่เลเวล 13 ความเสียหายจากพลังจิตจากตราประทับแห่งการลงทัณฑ์ (Brand of Castigation) จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าของค่าโมดิไฟเออร์ความสามารถที่ใช้ศาสตร์โลหิตของคุณ (น้อยสุด 2) นอกจากนั้น สิ่งมีชีวิตที่ถูกตีตราจะไม่สามารถใช้แอ็คชัน พุ่งตัว (Dash) ได้ และหามันพยายามเคลื่อนย้ายด้วยเวทย์มนต์หรือออกจากภพภูมิปัจจุบันด้วยวิธีการใด ๆ มันจะได้รับความเสียหายจากพลังจิต 4d6 และต้องทอยป้องกันความรอบรู้ (Wisdom) หากทอยไม่ผ่านความพยายามในการเคลื่อนย้ายจะล้มเหลว
วิญญาณเหล็ก (Hardened Soul)
เมื่อคุณถึงเลเวล 14 คุณจะได้ทอยป้องกันแบบได้เปรียบเมื่อต้องป้องกันการติดสภาวะ หลงใหล (charmed) และ หวาดกลัว (frightened)
เจ้าแห่งโลหิต (Sanguine Mastery)
เมื่อถึงเลเวล 20 คุณจะเป็นสุดยอดแห่งผู้ใช้เวทย์มนต์โลหิต ลดระดับสิ่งสังเวยและเพิ่มพลังให้ความสามารถของคุณ หนึ่งครั้งต่อเทิร์น เมื่อใดก็ตามที่ความสามารถของบลัดฮันเตอร์ต้องการให้คุณทอยลูกเต๋าศาสตร์โลหิต คุณสามารถทอยซ้ำและเลือกเอาผลจากครั้งใดก็ได้
นอกจากนั้น เมื่อใดก็ตามที่คุณทอยโจมตีได้แบบคริติคัล เมื่อโจมตีด้วยอาวุธที่เปิดใช้พิธีกรรมสีชาด คุณจะได้รับจำนวนครั้งที่ใช้มนต์โลหิตต้องสาป (Blood Maledict) คืนมาหนึ่งครั้ง
คำสาปโลหิต (Blood Curses)
เมื่อเป็นบลัดฮันเตอร์ คุณจะเข้าถึงคำสาปโลหิตหลากหลายที่จะใช้ในการลดความแข็งแกร่งของศัตรู
คำสาปโลหิตแห่งจิตใจหวาดหวั่น (Blood Curse of the Anxious)
โดยการใช้โบนัสแอ็คชัน คุณจะรบกวนร่างกายหรือจิตใจของสิ่งมีชีวิตภายในระยะ 30 ฟุตจากคุณ ทำให้มันอ่อนไหวต่อการครอบงำทางจิตใจ จนกว่าจะจบเทิร์นถัดไปของคุณ การทอยทดสอบเสน่ห์ (Charisma) ทักษะ การข่มขู่ (Intimidation) ที่ทำต่อสิ่งมีชีวิตที่ถูกสาปจะเป็นแบบได้เปรียบ
การเสริมฤทธิ์ การทอยป้องกันความรอบรู้ (Wisdom) ของสิ่งมีชีวิตที่ถูกคำสาปนี้ก่อนที่คำสาปจะจบลงจะเป็นแบบเสียเปรียบ
คำสาปโลหิตแห่งการตรึงติด (Blood Curse of Binding)
โดยการใช้โบนัสแอ็คชัน คุณพยายามจะตรึงสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ (Large) หรือเล็กกว่าที่คุณมองเห็นได้ภายในระยะ 30 ฟุตจากตัวคุณ ซึ่งต้องทอยป้องกันความแข็งแกร่ง (Strength) หากทอยไม่ผ่าน สิ่งมีชีวิตที่ถูกสาปจะมีความเร็วเป็น 0 และมันจะไม่สามารถใช้รีแอ็คชันได้จนกว่าจะจบเทิร์นถัดไปของคุณ
การเสริมฤทธิ์ คำสาปนี้จะคงอยู่ 1 นาทีและมีผลกับสิ่งมีชีวิตทุกชนิดโดยไม่สนใจขนาด สิ่งมีชีวิตที่ถูกสาปสามารถทอยป้องกันซ้ำได้เมื่อจบแต่ละเทิร์นของมัน จบคำสาปเมื่อทอยผ่าน
คำสาปโลหิตแห่งความทรมานจากการบวมพอง (Blood Curse of Bloated Agony)
โดยการใช้โบนัสแอ็คชัน คุณจะสาปสิ่งมีชีวิตหนึ่งที่คุณสามารถมองเห็นได้ภายในระยะ 30 ฟุตจากตัวคุณ ทำให้ร่างกายของมันบวมพองจนกว่าจะจบเทิร์นถัดไปของคุณ ในช่วงเวลานั้น สิ่งมีชีวิตจะทอยทดสอบความแข็งแกร่ง (Strength) และความคล่องแคล่ว (Dexterity) แบบเสียเปรียบ และจะได้รับความเสียหายแบบเน่าสลาย 1d8 ถ้ามันทำการโจมตีมากกว่าหนึ่งครั้งภายในเทิร์นของมัน
การเสริมฤทธิ์ คำสาปนี้จะคงอยู่ 1 นาที สิ่งมีชีวิตที่ถูกสาปสามารถทอยป้องกันความอดทน (Constitution) เมื่อจบแต่ละเทิร์นของมัน จบคำสาปเมื่อทอยผ่าน
คำสาปโลหิตแห่งการกัดกร่อน (Blood Curse of Corrosion)
_สิ่งที่ต้องมีก่อน: เลเวล 15, ภาคีแห่งผู้กลายพันธุ์_
โดยการใช้โบนัสแอ็คชัน คุณจะทำให้สิ่งมีชีวิตภายในระยะ 30 ฟุตจากคุณติดสภาวะ ถูกพิษ (poisoned) สิ่งมีชีวิตที่ถูกสาปสามารถทอยป้องกันความอดทน (Constitution) เมื่อจบแต่ละเทิร์นของมัน จบคำสาปเมื่อทอยผ่าน
การเสริมฤทธิ์ สิ่งมีชีวิตที่ถูกสาปจะได้รับความเสียหายแบบเน่าสลาย 4d6 เมื่อคุณใช้งานคำสาปนี้ และมันจะได้รับความเสียหายนี้อีกครั้งเมื่อมันทอยป้องกันความอดทน (Constitution) เพื่อจบคำสาปไม่ผ่าน
คำสาปโลหิตแห่งการขับไล่ปีศาจ (Blood Curse of the Exorcist)
_สิ่งที่ต้องมีก่อน: เลเวล 15, ภาคีแห่งผู้ปราบผี_
โดยใช้โบนัสแอ็คชัน คุณจะเลือกสิ่งมีชีวิตหนึ่งที่คุณมองเห็นได้ภายในระยะ 30 ฟุตจากคุณที่ติดสภาวะ หลงใหล (charmed) หรือ หวาดกลัว (frightened) หรืออยู่ภายในผลจากการถูกสิงสู่ สิ่งมีชีวิตเป้าหมายจะพ้นจากสภาวะ หลงใหล (charmed), หวาดกลัว (frightened) หรือถูกสิง
การเสริมฤทธิ์ สิ่งมีชีวิตที่ทำให้เป้าหมายติดสภาวะหลงใหล, หวาดกลัว, หรือถูกสิง จะได้รับความเสียหายจากพลังจิต 3d6 และต้องทอยป้องกันความรอบรู้ (Wisdom) หากทอยไม่ผ่านจะติดสภาวะ งุนงง (stunned)
คำสาปโลหิตแห่งการปลดความต้านทาน (Blood Curse of Exposure)
เมื่อสิ่งมีชีวิตที่คุณมองเห็นได้ภายในระย 30 ฟุตจากตัวคุณได้รับความเสียหายจากการถูกโจมตีหรือคาถา คุณสามารถใช้รีแอ็คชันของคุณในการทำให้เป้าหมายอ่อนแอลง จนกว่าจะจบเทิร์นถัดไปของเป้าหมาย มันจะสูญเสียความต้านทาน (resistance) ต่อความเสียหายทั้งหมดที่เกิดจากการโจมตีหรือคาถา (รวมถึงที่เกิดจากผลพิเศษอื่น ๆ)
การเสริมฤทธิ์ แทนที่เป้าหมายจะสูญเสียความต้านทานต่อชนิดความเสียหายที่เกิดจากการโจมตีหรือคาถา แต่จะได้รับความต้านทานต่อชนิดความเสียหายนั้นจนกว่าจะจบเทิร์นถัดไปของมัน
คำสาปโลหิตแห่งความมืดบอด (Blood Curse of the Eyeless)
เมื่อสิ่งมีชีวิตที่คุณมองเห็นได้ภายในระยะ 30 ฟุตของคุณทำการโจมตี คุณสามารถใช้รีแอ็คชันของคุณในการทอยลูกเต๋าศาสตร์โลหิตหนึ่งลูก และนำค่าที่ได้ลบออกจากการทอยโจมตีของสิ่งมีชีวิตนั้น คุณสามารถเลือกที่จะใช้ความสามารถนี้หลังจากที่สิ่งมีชีวิตนั้นทอยเสร็จแต่ต้องก่อนที่ DM จะบอกว่าการโจมตีนั้นโดนหรือไม่ สิ่งมีชีวิตจะมีภูมิคุ้มกันต่อคำสาปนี้หากมันมีภูมิคุ้มกันต่อการติดสภาวะ ตาบอด (blinded)
การเสริมฤทธิ์ คุณจะใช้คำสาปนี้กับสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่ทอยโจมตีจนกว่าจะจบเทิร์นของสิ่งมีชีวิตนั้น คุณจะทอยลูกเต๋าศาสตร์โลหิตสำหรับสิ่งมีชีวิตแต่ละตัวที่ได้รับผลจากคำสาป
คำสาปโลหิตแห่งหุ่นกระบอกผู้สิ้นสูญ (Blood Curse of the Fallen Puppet)
เมื่อสิ่งมีชีวิตที่คุณมองเห็นภายในระยะ 30 ฟุตจากคุณฮิตพอยต์ลดลงเป็น 0 คุณสามารถใช้รีแอ็คชันของคุณในการบังคับให้สิ่งมีชีวิตนั้นโจมตีครั้งสุดท้าย สิ่งมีชีวิตจะโจมตีเป้าหมายภายในระยะของมันที่คุณเลือกด้วยอาวุธทันที
การเสริมฤทธิ์ คุณสามาถสั่งให้สิ่งมีชีวิตที่ถูกสาปเคลื่อนที่ไปเป็นระยะครึ่งหนึ่งของความเร็วของมัน และคุณสามารถเพิ่มโบนัสให้การทอยโจมตีของมันเท่ากับค่าโมดิไฟเออร์ความสามารถที่ใช้สำหรับศาสตร์โลหิตของคุณ (น้อยสุด 1)
คำสาปโลหิตแห่งเสียงหอน (Blood Curse of the Howl)
_สิ่งที่ต้องมีก่อน: เลเวล 18, ภาคีแห่งผู้จำแลงกาย_
โดยใช้แอ็คชัน คุณปลดปล่อยเสียงหอนที่น่ากลัวจนทำให้เลือดจับตัว สิ่งมีชีวิตแต่ละตัวที่อยู่ในระยะ 30 ฟุตจากคุณที่สามารถได้ยินเสียงคุณได้ ต้องทอยป้องกันความรอบรู้ (Wisdom) หรือติดสภาวะ หวาดกลัว (frightened) คุณจนกว่าจะจบเทิร์นถัดไปของคุณ ถ้าสิ่งมีชีวิตทอยป้องกันไม่ผ่านโดยได้แต้มต่ำกว่าลงไป 5 หรือมากกว่า มันจะติดสภาวะ งุนงง (stunned) ขณะที่หวาดกลัวโดยความสามารถนี้ สิ่งมีชีวิตที่ทอยป้องกันผ่านจะมีภูมิคุ้มกันต่อคำสาปนี้ไป 24 ชั่วโมง
คุณสามารถเลือกสิ่งมีชีวิตจำนวนหนึ่งที่คุณสามารถมองเห็นได้ให้ไม่ได้รับผลจากเสียงหอนนี้
การเสริมฤทธิ์ ระยะของคาถาเพิ่มเป็น 60 ฟุต
คำสาปโลหิตแห่งการจับเป้าหมาย (Blood Curse of the Marked)
โดยใช้โบนัสแอ็คชัน คุณจะเล็งเป้าไปที่สิ่งมีชีวิตหนึ่งที่คุณสามารถมองเห็นได้ภายในระยะ 30 ฟุตจากคุณ จนกว่าจะจบเทิร์นของคุณ เมื่อใดก็ตามที่คุณโจมตีสิ่งมีชีวิตที่ถูกสาปด้วยอาวุธที่คุณเปิดใช้พิธีกรรมสีชาด คุณจะได้ทอยลูกเต๋าศาสตร์โลหิตเพิ่มหนึ่งลูกเมื่อทอยหาความเสียหายที่เกิดจากพิธีกรรม
การเสริมฤทธิ์ การทอยโจมตีถัดไปของคุณที่ทำต่อเป้าหมายก่อนที่จะจบเทิร์นของคุณจะเป็นแบบได้เปรียบ
คำสาปโลหิตแห่งจิตใจที่สับสน (Blood Curse of the Muddled Mind)
โดยใช้โบนัสแอ็คชัน คุณจะสาปสิ่งมีชีวิตที่คุณสามารถมองเห็นได้ภายในระยะ 30 ฟุตจากตัวคุณที่กำลังเพ่งสมาธิใช้คาถาหรือใช้ความสามารถที่ต้องใช้การเพ่งสมาธิ สิ่งมีชีวิตนั้นจะต้องทอยป้องกันความอดทน (Constitution) ถัดไปแบบเสียเปรียบในการทอยเพื่อคงสภาวะเพ่งสมาธิก่อนที่จะจบเทิร์นถัดไปของคุณ
การเสริมฤทธิ์ สิ่งมีชีวิตที่ถูกสาปจะต้องทอยป้องกันความอดทน (Constitution) ทั้งหมดแบบเสียเปรียบในการทอยเพื่อคงสภาวะการเพิ่งสมาธิจนกว่าจะจบเทิร์นถัดไปของคุณ
คำสาปโลหิตแห่งผู้กินวิญญาณ (Blood Curse of the Soul Eater)
_สิ่งที่ต้องมีก่อน: เลเวล 18, ภาคีแห่งภาคีแห่งวิญญาณต้องสาป_
เมื่อสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่จักรกลเวทย์ (construct) หรืออันเดดมีฮิตพอยต์เหลือ 0 ภายในระยะ 30 ฟุตจากคุณ คุณสามารถใช้รีแอ็คชันในการสังเวยพลังชีวิตของพวกมันต่อผู้อุปถัมภ์ของคุณเพื่อแลกเปลี่ยนกับพลัง จนกว่าจะจบเทิร์นถัดไปของคุณ คุณจะทอยโจมตีแบบได้เปรียบและคุณจะมีความต้านทานต่อทุกชนิดความเสียหาย
การเสริมฤทธิ์ นอกจากนั้น คุณจะได้รับสล็อตคาถาวอร์ล็อคที่คุณใช้ไปคืน เมื่อคุณเสริมฤทธิ์ให้คำสาปโลหิตนี้ คุณต้องจบการพักยาวก่อนที่คุณจะเสริมฤทธิ์ได้อีกครั้ง
ภาคีแห่งบลัดฮันเตอร์ (Blood Hunter Orders)
ภาคีลึกลับจำนวนหนึ่งที่เป็นผู้สร้างและรวบรวมความรู้เกี่ยวกับเหล่าบลัดฮันเตอร์ สมาชิกของพวกเขาล้วนปกป้องวิชาที่เป็นเอกลักษณ์และพิธีกรรมลับต่าง ๆ ตัวละครต้องค้นหาภาคีเหล่านี้และต้องได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมพิธีกรรมฮันเตอร์สเบนเพื่อเริ่มเส้นทางการเป็นบลัดฮันเตอร์ แต่มีเพียงผู้ที่พิสูจน์ความสามารถและความมุ่งมันแล้วเท่านั้นที่จะผ่านพิธีกรรมและได้รับการยอมรับให้เข้าร่วมกับภาคีและจะได้สัมผัสกับวิชาลับเหล่านี้
ภาคีแห่งผู้ปราบผี (Order of the Ghostslayer)
ภาคีแห่งผู้ปราบผีเป็นภาคีบลัดฮันเตอร์ที่เก่าแก่ที่สุด สมาชิกของภาคีเป็นผู้ค้นพบความลับของศาสตร์โลหิตที่สาปสูญ ทำการรวบรวมและกำหนดขึ้นใหม่เพื่อใช้ในการต่อสู้กับเหล่าอันเดด ผู้ปราบผีคอยค้นหาและศึกษาช่วงเวลาแห่งการตาย, หลงใหลความลึกลับของช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านของชีวิต, และพลังชั่วร้ายที่ทำให้คนตายฟื้นกลับคืนมาอีกครั้ง เหล่าสาวกบลัดฮันเตอร์เหล่านี้อุทิศเวลาทั้งชีวิตของพวกเขาเพื่อการทำลายอันเดดเมื่อใดก็ตามที่ค้นพบ ปรับปรุงความสามารถของพวกเขาเพื่อจัดการอันเดดและผู้ที่ใช้วิชาการปลุกผีที่สร้างพวกมันขึ้นมา
พิธีกรรมแห่งรุ่งอรุณ (Rite of the Dawn)
เมื่อคุณเข้าร่วมกับภาคีเมื่อเลเวล 3 คุณจะได้เรียนรู้พิธีกรรมแห่งรุ่งอรุณ (Rite of the Dawn) โดยเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมสีชาด (Crimson Rite) เมื่อคุณเปิดใช้พิธีกรรมแห่งรุ่งอรุณ ความเสียหายที่คุณจะสร้างได้จากพิธีกรรมจะเป็นแบบแสงรัศมี (radiant) นอกจากนั้น ขณะที่พิธีกรรมได้เปิดใช้อยู่กับอาวุธของคุณ คุณจะได้รับผลประโยชน์ดังนี้:
- อาวุธของคุณจะเปล่งแสงสว่างปกติ (bright light) ออกไปเป็นระยะ 20 ฟุต
- คุณจะมีความต้านทานต่อความเสียหายแบบเน่าสลาย
- เมื่อคุณโจมตีสิ่งมีชีวิตที่เป็นอันเดดด้วยอาวุธที่มีพิธีกรรมแห่งรุ่งอรุณเปิดใช้อยู่ คุณจะได้ทอยลูกเต๋าศาสตร์โลหิตเพิ่มในการทอยหาความเสียหายพิเศษจากพิธีกรรม
ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านคำสาป (Curse Specialist)
เริ่มที่เลเวล 3 คุณจะเรียนรู้การใช้งานคำสาปโลหิตขั้นสูง คุณจะได้รับจำนวนครั้งในการใช้มนต์โลหิตต้องสาป (Blood Maledict) เพิ่ม นอกจากนั้น คำสาปโลหิตของคุณจะสามารถใช้กับสิ่งมีชีวิตที่มีเลือดหรือไม่ก็ได้
เคลื่อนผ่านมิติ (Aether Walk)
เมื่อถึงเลเวล 7 เมื่อเริ่มเทิร์นของคุณ คุณสามารถก้าวเข้าสู่ช่องว่าระหว่างภพภูมิตราบใดที่คุณไม่ติดสภาวะ ไร้ความสามารถ (incapacitated) คุณสามารถเคลื่อนที่ทะลุผ่านสิ่งมีชีวิตและวัตถุอื่นได้โดยจะถือเป็นการเคลื่อนที่ผ่านพื้นที่ทุรกันดาร (difficult terrain) และสามารถมองเห็นสิ่งมีชีวิตหรือวัตถุที่เลือกได้จากภพภูมิอีเธอเรียลได้ คุณจะได้รับความเสียหายจากพลังงาน (force) 1d10 ถ้าคุณจบเทิร์นภายในวัตถุ
ความสามารถนี้จะคงอยู่เป็นจำนวนรอบ (round) เท่ากับค่าโมดิไฟเออร์ความสามารถที่ใช้ในการใช้ศาสตร์โลหิต (น้อยสุด 1 รอบ) ถ้าคุณอยู่ภายในวัตถุเมื่อมันจบลง คุณจะถูกผลักออกมาอยู่ในพื้นที่ว่างที่ใกล้ที่สุดทันที และคุณจะได้รับความเสียหายจากพลังงานเท่ากับสองเท่าของจำนวนระยะฟุตที่คุณเคลื่อนที่
เมื่อคุณใช้ความสามารถนี้ คุณต้องจบการพักยาวหรือพักสั้นก่อนที่คุณจะได้ได้อีกครั้ง คุณสามารถใช้เคลื่อนผ่านมิติ (Aether Walk) ได้สองครั้งระหว่างช่วงการพักเริ่มที่เลเวล 15
ตราประทับแห่งการแบ่งแยก (Brand of Sundering)
เริ่มที่เลเวล 11 ตราประทับแห่งการลงทัณฑ์ (Brand of Castigation) ของคุณจะเผยให้เห็นจุดอ่อนของศัตรู ทำให้มันมีช่องโหว่ต่อพิธีกรรมสีชาดของคุณ เมื่อใดก็ตามที่คุณโจมตีสิ่งมีชีวิตด้วยอาวุธที่คุณเปิดใช้งานพิธีกรรมสีชาด คุณจะได้ทอยลูกเต๋าศาสตร์โลหิตเพิ่มหนึ่งลูกเมื่อทอยหาความเสียหายพิเศษจากพิธีกรรม นอกจากนั้น ถ้าสิ่งมีชีวิตที่ถูกตีตรามีคุณสมบัติ เคลื่อนที่แทรกมิติ (Incorporeal Movement) หรือความสามารถที่คล้ายกัน มันจะไม่สามารถเคลื่อนที่ผ่านสิ่งมีชีวิตหรือวัตถุได้ขณะถูกตีตรา
คำสาปโลหิตแห่งการขับไล่ผี (Blood Curse of the Exorcist)
ที่เลเวล 15 คุณจะยกระดับศาสตร์โลหิตของคุณเพื่อใช้ในการกำจัดความบิดเบี้ยวจากจิตใจและร่างกายของพันธมิตร และลงโทษผู้ที่ทำให้เกิดขึ้น คุณจะได้รับ คำสาปโลหิตแห่งการขับไล่ผี สำหรับความสามารถมนต์โลหิตต้องสาป นี่จะไม่นับรวมกับจำนวนคำสาปโลหิตที่คุณรู้
พิธีกรรมแห่งการฟื้นคืน (Rite Revival)
เมื่อถึงเลเวล 18 คุณจะเรียนรู้การปกป้องชีวิตที่กำลังจะมอดดับของคุณโดยการดึงพลังที่คุณป้อนให้กับอาวุธกลับคืนมา ถ้าคุณเปิดพิธีกรรมสีชาดไว้และคุณมีฮิตพอยต์เป็น 0 แต่ไม่ได้ตายโดยทันที คุณสามารถเลือกที่จะปิดพิธีกรรมสีชาดทั้งหมดและทำให้ฮิตพอยต์เป็น 1 แทน
ภาคีแห่งผู้จำแลงกาย (Order of the Lycan)
คำสาปโบราณของการกลายร่างสร้างความหวาดกลัวให้ทุกผู้คนและทุกชุมชน สิ่งนี้สืบต่อกันผ่านเลือดและมอบพลังความดุร้ายอำมหิตและความหิวโหยความรุนแรงของสัตว์ป่าแก่ร่างต้น ภาคีแห่งผู้จำแลงกายเป็นกลุ่มของผู้ที่ภูมิใจในการเป็นบลัดฮันเตอร์ที่ผ่าน “พิธีการสยบคลั่ง” เป็นพิธีการมอบอำนาจการจำแลงกายโดยผู้อาวุโสแห่งภาคีแก่ผู้ที่ไม่ได้มีคำสาปนี้อยู่ก่อนแล้วได้ก้าวเดินในเส้นทางนี้ พรานเหล่านี้จะใช้เวทย์มนต์จากเลือดของพวกเขาในการควบคุมพลังของมอนสเตอร์ที่พวกเขาแบกรับไว้ โดยไม่สูญเสียความเป็นตัวตนไป โดยใช้พลังความมุ่งมั่นอันแรงกล้ากอรปกับพิธีกรรมลับของเวทย์มนต์โลหิต สมาชิกของภาคีแห่งผู้จำแลงกายจะได้เรียนรู้การควบคุมและปลดปล่อยร่างที่หลอมรวมของพวกเขาเป็นเวลาชั่วขณะหนึ่ง ร่างกายที่ได้รับการเสริมสมรรถภาพ, ความทนทานเหนือมนุษย์ และกรงเล็บแหลมคมดั่งมีดโกนทำให้นักรบเหล่านี้สร้างความหวาดกลัวให้ศัตรูผู้ชั่วร้ายที่กล้าเขามาขวางทาง แต่ก็ไม่มีการฝึกฝนใดที่จะสมบูรณ์แบบ และหากไม่ระวังหรือเผลอเรอไป แม้พรานโลหิตผู้เก่งกาจมีชื่อก็อาจจะสูญเสียตัวตนไปกับความหิวกระหายของตัวเองได้
ภาระของผู้จำแลงกาย
เหล่าผู้ที่เข้าร่วมกับภาคีแห่งผู้จำแลงกายเลือกเส้นทางนี้ด้วยความเต็มใจ เข้าใจถึงภาระอันหนักอึ้งและความท้าทายที่จะเกิดขึ้นกับตน คำสาปของการจำแลงกายนั้นบิดเบี้ยว, ยากจะควบคุม และบางครั้งเป็นความกระหายเลือด เหล่าบลัดฮันเตอร์ไลแคนก็ยอมรับของขวัญจากสัตว์ร้ายนี้ ขณะที่ควบคุมพลังของมันโดยการฝึกฝนที่ยากลำบากและอำนาจของเวทย์มนต์โลหิต สมาชิกของภาคีแห่งผู้จำแลงกายไม่สามารถแพร่คำสาปของตนผ่านเลือดได้เว้นแต่ว่าพวกเขาอยากทำ และหนึ่งในคำปฏิญาณศักดิ์สิทธิ์ของภาคีคือจะต้องไม่แพร่คำสาปให้กับสิ่งมีชีวิตอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากภาคี
ถ้าสมาชิกของภาคีแห่งผู้จำแลงกายทำการรักษาคำสาปกลายร่างของตน นั่นจะนำความอับอายอย่างยิ่งยวดมาสู่ชื่อเสียงของตนเองและภาคี สมาชิกที่ถูกเพิกถอนคำสาปโดยไม่เต็มใจต้องกลับสู่ภาคีเพื่อผ่านพิธีการสยบคลั่งอีกครั้ง ทำการรับคำสาปสู่ร่างกายอีกครั้งเพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีของตน
การจำแลงกาย (Lycanthropy) นั้นมีหลายรูปแบบผูกโยงกับสัตว์ป่าเฉพาะเช่น หมาป่า, หมี, เสือ, หมูป่า, และหนูที่ขึ้นชื่อว่ามีความหลากหลายมาก แต่ละสายพันธุ์ของคำสาปจำแลงกายจะเป็นตัวกำหนดรูปแบบทางกายภาพที่จะเกิดขึ้นเมื่อบลัดฮันเตอร์สายจำแลงกายแปลงร่าง แม้ว่าความสามารถที่ได้จากคำสาปจะมีพอ ๆ กัน
เพิ่มพูนประสาทสัมผัส (Heightened Senses)
เมื่อคุณเลือกเดินทางสายนี้เมื่อเลเวล 3 คุณจะได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพของประสาทสัมผัสจากการเป็นนักล่าโดยธรรมชาติ คุณจะได้ทอยทดสอบความรอบรู้ (Wisdom) ทักษะ การรับรู้ (Perception) แบบได้เปรียบเมื่อต้องใช้ประสาทสัมผัสด้านการได้ยินและการดมกลิ่น
การแปลงร่างแบบผสม (Hybrid Transformation)
ที่เลเวล 3 ด้วยเหมือนกัน คุณจะได้เรียนรู้การควบคุมคำสาปจำแลงกายที่ไหลเวียนอยู่ในกระแสเลือดของคุณ โดยใช้โบนัสแอ็คชัน คุณจะแปลงร่างไปเป็นร่างผสมพิเศษเป็นเวลา 1 ชั่วโมง คุณสามารถพูด, ใช้อุปกรณ์, และสวมใส่เกราะขณะที่อยู่ในร่างนี้ คุณสามารถแปลงกลับมาเป็นร่างปกติโดยใช้โบนัสแอ็คชัน คุณจะกลับร่างเดิมโดยอัตโนมัติเมื่อคุณติดสภาวะ หมดสติ (unconscious) หรือตาย
ความสามารถนี้จะแทนที่ กฏ สำหรับผู้จำแลงกายใน คู่มือมอนสเตอร์ เมื่อคุณใช้ความสามารถนี้แล้วคุณต้องจบการพักสั้นหรือพักยาวก่อนที่คุณจะใช้มันได้อีกครั้ง
ใน Character Builder ให้เปลี่ยนตัวเลือกจาก Hybrid Transformation เป็น Hybrid Form เพื่อเปิดใช้โบนัสจากร่างแปลงในชีทตัวละคร
ความสามารถของร่างแปลงแบบผสม (Hybrid Transformation Features)
ขณะที่คุณแปลงร่าง คุณจะได้รับประโยชน์และผลเสียดังนี้:
พลังสัตว์ป่า (Feral Might) คุณจะได้ทอยทดสอบความแข็งแกร่งและทอยป้องกันความแข็งแกร่งแบบได้เปรียบ และคุณจะได้โบนัส +1 เมื่อทอยหาความเสียหายด้วยการโจมตีระยะประชิด โบนัสจะเพิ่มเป็น +2 เมื่อเลเวล 11 และ +3 เมื่อเลเวล 18
ผิวหนังทนทาน (Resilient Hide) คุณจะมีความต้านทานต่อความเสียหายแบบกระแทก (buldgeoning), การแทง (piercing) และการเฉือน (slashing) จากการโจมตีที่ไม่ใช่จากเวทย์มนต์และไม่ได้เกิดจากอาวุธแร่เงิน นอกจากนี้ ขณะที่คุณไม่ได้สวมเกราะหนัก คุณจะมีโบนัส +1 ให้ AC
การโจมตีแบบนักล่า (Predatory Strikes) คุณสามารถเปิดใช้งานพิธีกรรมสีชาดกับการโจมตีด้วยมือเปล่าของคุณ ซึ่งจะถือว่าเป็นอาวุธหนึ่งชิ้นได้ คุณสามารถใช้คะแนนความคล่องแคล่ว (Dexterity) แทนคะแนนความแข็งแกร่ง (Strength) ในการโจมตีและการทอยหาความเสียหายจากการโจมตีด้วยมือเปล่า ซึ่งจะสร้างความเสียหายแบบกระแทกหรือแบบเฉือน 1d6 ความเสียหายจะเพิ่มขึ้นเป็น 1d8 เมื่อเลเวล 11
นอกจากนั้น เมื่อคุณใช้แอ็คชัน โจมตี (Attack) ในการโจมตีด้วยมือเปล่า คุณสามารถโจมตีด้วยมือเปล่าได้อีกครั้งโดยการใช้โบนัสแอ็คชัน
บ้าเลือด (Bloodlust) ถ้าคุณเริ่มเทิร์นของคุณด้วยฮิตพอยต์ที่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของฮิตพอยต์สูงสุด คุณต้องทอยป้องกันความรอบรู้ (Wisdom) DC 8 หรือเคลื่อนที่ตรงไปหาสิ่งมีชีวิตที่อยู่ใกล้ที่สุดและใช้แอ็คชัน โจมตี (Attack) สิ่งมีชีวิตนั้น ถ้าคุณกำลังเพ่งสมาธิกับคาถาหรือตกอยู่ภายใต้ผลที่ทำให้คุณไม่สามารถเพิ่งสมาธิได้ (เช่นความสามารถโทสะคลั่ง (Rage) ของบาร์บาเรียน) คุณจะทอยป้องกันไม่ผ่านโดยอัตโนมัติ
ถ้าคุณมีความสามารถโจมตีพิเศษ (Extra Attack) คุณสามารถเลือกว่าจะใช้มันในการโจมตีบ้าคลั่งนี้หรือไม่ ถ้ามีสิ่งมีชีวิตมากกว่าหนึ่งอยู่ในระยะใกล้คุณเท่ากัน ทอยสุ่มเพื่อกำหนดเป้าหมาย เมื่อคุณโจมตีไปแล้ว คุณจะกลับมาควบคุมตัวเองได้อีกครั้ง
ความแข็งแกร่งของนักตามรอย (Stalker’s Prowess)
ที่เลเวล 7 ความเร็วของคุณจะเพิ่มขึ้น 10 ฟุต และคุณจะโดดไกลได้ระยะเพิ่ม 10 ฟุต และโดดสูงได้เพิ่ม 3 ฟุต ร่างแปลงผสมของคุณจะได้รับผลพิเศษเพิ่มเติมดังนี้
เพิ่มระดับการโจมตีแบบนักล่า (Improved Predatory Strikes) คุณจะได้รับโบนัส +1 ในการทอยโจมตีเมื่อโจมตีด้วยการโจมตีด้วยมือเปล่า โบนัสนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น +2 ที่เลเวล 11 และ +3 เมื่อเลเวล 18 นอกจากนั้น เมื่อคุณเปิดใช้พิธีกรรมสีชาดกับการโจมตีด้วยมือเปล่าขณะที่คุณอยู่ในร่างแปลง การโจมตีด้วยมือเปล่าของคุณจะถือว่าเป็นการโจมตีแบบเวทย์มนต์เพื่อจุดประสงค์ในการข้ามความต้านทานและการมีภูมิคุ้มกันต่อการโจมตีและความเสียหายที่ไม่ใช่เวทย์มนต์
การแปลงร่างขั้นสูง (Advanced Transformation)
ที่เลเวล 11 คุณจะเรียนรู้การปลดปล่อยและควบคุมการแปลงร่างระดับสูงได้ คุณสามารถใช้การแปลงร่างแบบผสมได้สองครั้ง จะได้รับครั้งที่ใช้ไปคืนเมื่อจบการพักสั้นหรือพักยาว ร่างแปลงแบบผสมของคุณจะได้รับผลประโยชน์เพิ่มเติมดังนี้
การฟื้นฟูแบบไลแคน (Lycan Regeneration) เมื่อเริ่มแต่ละเทิร์นของคุณเมื่อคุณมีฮิตพอยต์อย่างน้อย 1 แต่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของฮิตพอยต์สูงสุด คุณจะฟื้นฟูฮิตพอยต์ได้เท่ากับ 1 + ค่าโมดิไฟเออร์ความอดทน (Constitution) (น้อยสุด 1) ถ้าคุณอยู่ในร่างแปลง คุณจะได้รับฮิตพอยต์นี้ก่อนที่คุณจะทอยป้องกันสำหรับอาการบ้าเลือด
ตราประทับแห่งความหิวกระหาย (Brand of the Voracious)
เริ่มที่เลเวล 15 คุณจะได้ทอยป้องกันอาการบ้าเลือดแบบได้เปรียบขณะที่อยู่ในร่างแปลง นอกจากนี้ ตราประทับแห่งการลงทัณฑ์ (Brand of Castigation) ของคุณจะผูกมัดศัตรูไว้กับความดุร้ายของสัญชาติญาณนักล่า ขณะที่คุณอยู่ในร่างแปลง คุณจะได้ทอยโจมตีแบบได้เปรียบต่อสิ่งมีชีวิตที่คุณตีตราไว้
เจ้าแห่งร่างแปลงแบบผสม (Hybrid Transformation Mastery)
ที่เลเวล 18 คุณจะบรรลุจุดสูงสุดของสัญชาติญาณนักล่าในตัวคุณ คุณสามารถใช้ร่างแปลงแบบผสมได้โดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง และร่างแปลงจะอยู่จนกว่าคุณจะเลือกกลับมาเป็นร่างปกติ, ติดสภาวะ หมดสติ (unconscious) หรือตาย
คุณจะได้รับคำสาปโลหิตแห่งเสียงหอนสำหรับมนต์โลหิตต้องสาปของคุณ และจะไม่นับรวมกับจำนวนคำสาปโลหิตที่คุณรู้
ภาคีแห่งผู้กลายพันธุ์ (Order of the Mutant)
ขั้นตอนการผ่านพิธีฮันเตอร์สเบนนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวด, สร้างรอยแผล, และบางครั้งก็ถึงกับเป็นประสบการณ์ผ่านความตาย ผู้ที่เอาชีวิตรอดมาได้ร่างกายก็จะพบกับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งก็มักจะไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีนัก ตลอดหลายชั่วอายุคนที่ทำการทดลอง ภาคีหนึ่งที่แยกออกมาจากเหล่าภาคีบลัดฮันเตอร์อื่นเนื่องจากศาสตร์โลหิตของพวกเขาทำให้ร่างกายเปลี่ยนไปอย่างมาก จากการเล่นแร่แปรธาตุที่บิดเบี้ยวและพิษจากน้ำยาผสมที่เปลี่ยนเลือดและร่างกายไป นานวันเข้า พวกเขาปรับเปลี่ยนความสามารถเพื่อการสงคราม ร่างกายเปลี่ยนไปจนเกินไปจากที่เคยเป็น พวกเขาเรียกตัวเองว่าภาคีแห่งผู้กลายพันธุ์ พรานโลหิตเหล่านี้มีความสามารถพิเศษในการวิเคราะห์ความแข็งแกร่งและจุดอ่อนของศัตรูและปรับเปลี่ยนองค์ประกอบทางชีวภาพของร่างกายเพื่อให้เหมาะกับการต่อสู้ทุกรูปแบบ
ศาสตร์การกลายพันธุ์ (Mutagencraft)
เมื่อคุณเลือกทางสายนี้เมื่อเลเวล 3 คุณจะได้ศึกษาสูตรน้ำยาลับเรียกว่า สารก่อการกลายพันธุ์ (mutagens) ที่สามารถปรับเปลี่ยนร่างกายและจิตใจของคุณเพื่อเพิ่มความสามารถเป็นการชั่วคราว
โดยใช้โบนัสแอ็คชัน คุณจะกินสารก่อการกลายพันธุ์ ซึ่งผลของมันรวมถึงผลข้างเคียงจะคงอยู่จนกว่าคุณจะจบการพักสั้นหรือพักยาว เว้นแต่มีระบุไว้เป็นอย่างอื่น ขณะที่สารก่อการกลายพันธุ์หนึ่งหรือหลายอย่างมีผลกับคุณ คุณสามารถใช้แอ็คชันในการเพ่งสมาธิและขับสารทั้งหมดออกจากระบบร่างกายของคุณ จบผลพิเศษและผลข้างเคียงทั้งหมดได้
สารก่อการกลายพันธุ์ถูกออกแบบและปรับแต่งไว้สำหรับลักษณะทางชีวภาพเฉพาะแต่ละตัวละคร และสารก่อการกลายพันธุ์ของคุณจะไม่มีผลกับสิ่งมีชีวิตอื่น พวกมันจะไม่เสถียรในธรรมชาติและจะค่อย ๆ สูญเสียฤทธิ์ไปตามเวลาและหมดสภาพไปหากไม่ใช้ก่อนที่คุณจะจบการพักสั้นหรือพักยาวถัดไป (ใช้ได้วันเดียว)
ศาสตร์การกลายพันธุ์
เลเวลบลัดฮันเตอร์ | สารก่อการกลายพันธุ์ที่สร้างได้ | สูตรที่รู้ |
---|---|---|
3rd | 1 | 4 |
7th | 2 | 5 |
11th | 2 | 6 |
15th | 3 | 7 |
18th | 3 | 8 |
สูตรน้ำยา (Formulas)
จำนวนสารก่อการกลายพันธุ์ที่คุณสามารถปรุงได้เมื่อคุณจบการพักผ่อน และจำนวนสูตรที่คุณรู้ จะเพิ่มขึ้นเมื่อคุณเลเวลเพิ่มขึ้นในคลาสบลัดฮันเตอร์ ดังแสดงในตารางศาสตร์การกลายพันธุ์ด้านบน นอกจากนี้ เมื่อคุณได้เรียนรู้สูตรใหม่ คุณสามารถแทนที่สูตรหนึ่งที่คุณรู้อยู่แล้วด้วยสูตรที่ได้รับมาใหม่ คุณเลือกเรียนสูตรสารก่อการกลายพันธุ์ 4 สูตรจากตัวเลือกที่มีรายละเอียดด้านล่างนี้ และคุณจะสามารถปรุงสารก่อการกลายพันธุ์หนึ่งอย่างได้เมื่อคุณจบการพักสั้นหรือพักยาว
การเผาผลาญอันแปลกประหลาด (Strange Metabolism)
เมื่อคุณเลเวล 7 ร่างกายของคุณจะเริ่มปรับตัวเข้ากับสารพิษ (toxins) และพิษงู (venoms) และผลจากพิษเหล่านี้จะทำอะไรคุณไม่ได้ คุณจะมีภูมิคุ้มกันต่อความเสียหายจากพิษและไม่ติดสภาวะ ถูกพิษ (poisoned)
นอกจากนั้น คุณสามารถทำให้ร่างกายขับอะดรีนาลินที่ทำให้คุณมีความต้านทานต่อผลจากสารก่อการกลายพันธุ์ โดยใช้โบนัสแอ็คชัน คุณสามารถกดผลข้างเคียงด้านลบที่เกิดจากสารก่อการกลายพันธุ์หนึ่งอย่างที่ส่งผลต่อคุณเป็นเวเลา 1 นาที เมื่อคุณใช้ความสามารถนี้ไปแล้ว คุณจะไม่สามารถใช้ได้อีกจนกว่าคุณจะจบการพักยาว
ตราประทับแห่งการเผยธาตุแท้ (Brand of Axiom)
ที่เลเวล 11 ศาสตร์โลหิตการสร้างสารก่อการกลายพันธุ์ของคุณจะทำให้ ตราประทับแห่งการลงทัณฑ์ (Brand of Castigation) เผยธรรมชาติอันแท้จริงของศัตรูออกมา ภาพลวงตาหรือการล่องหนใด ๆ ที่มีต่อสิ่งมีชีวิตเป้าหมายจะจบลง และสิ่งมีชีวิตจะไม่ได้รับผลประโยชน์จากการล่องหนหรือการลวงตาขณะที่ถูกคุณตีตรา ถ้าสิ่งมีชีวิตที่ถูกคุณตีตราอยู่ในรูปร่างอื่น (เช่นจากคาถา แปลงกาย (polymorph), การเปลี่ยนร่าง (Change Shape) หรือความสามารถการแปลงกาย (Shapechanger trait), ความสามารถร่างแปลงสัตว์ป่า (Wild Shape), และผลพิเศษที่เหมือนกันอื่น ๆ) เป้าหมายต้องทอยป้องกันความรอบรู้ (Wisdom) หรือกลับมาเป็นร่างที่แท้จริงและติดสภาวะ งุนงง (stunned) จนกว่าจะจบเทิร์นถัดไปของคุณ เมื่อใดก็ตามที่สิ่งมีชีวิตที่ถูกตีตราพยายามจะแปลงร่าง มันต้องทอยป้องกันความรอบรู้ (Wisdom) ให้ผ่านหรือความพยายามนั้นจะล้มเหลว และมันจะติดสภาวะ งุนงง (stunned) จนกว่าจะจบเทิร์นถัดไปของคุณ
คำสาปโลหิตแห่งการกัดกร่อน (Blood Curse of Corrosion)
เริ่มที่เลเวล 15 คำสาปโลหิตของคุณสามารถส่งสารพิษร้ายแรงเข้าสู่ร่างกายของสิ่งมีชีวิตได้ คุณจะได้รับคำสาปโลหิตแห่งการกัดกร่อน (Blood Curse of Corrosion) สำหรับความสามารถมนต์โลหิตต้องสาป คำสาปนี้จะไม่นับรวมกับจำนวนคำสาปโลหิตที่คุณรู้
การกลายพันธุ์ขั้นสูง (Exalted Mutation)
ที่เลเวล 18 ร่างกายของคุณจะปรับเข้ากับสารก่อการกลายพันธุ์และสามารถผลิตสารนั้นออกมาได้ตามต้องการ โดยใช้โบนัสแอ็คชัน เลือกสารก่อการกลายพันธุ์หนึ่งที่กำลังมีผลต่อคุณ ผลและผลข้างเคียงของมันจะจบลง และคุณสามารถเลือกสารก่อการกลายพันธุ์อื่นหนึ่งอย่างที่คุณรู้สูตรให้มีผลแทนที่ได้
คุณสามารถใช้ความสามารถนี้เป็นจำนวนครั้งเท่ากับค่าโมดิไฟเออร์ความสามารถที่ใช้ในการใช้ศาสตร์โลหิต (น้อยสุด 1 ครั้ง) คุณจะได้รับจำนวนครั้งที่ใช้ไปคืนมาเมื่อคุณจบการพักยาว
สารก่อการกลายพันธุ์ (Mutagens)
สารก่อการกลายพันธุ์ที่เป็นส่วนหนึ่งของศาสตร์โลหิตของคุณจะแสดงเรียงตามตัวอักษร คุณสามารถเรียนรู้สารก่อการกลายพันธุ์เมื่อคุณมีสิ่งที่ต้องมีก่อนครบแล้ว
ดุจอากาศธาตุ (Aether)
สิ่งที่ต้องมีก่อน: เลเวล 11
คุณจะมีความเร็วการบิน 20 ฟุตเป็นเวลา 1 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม คุณจะต้องทอยทดสอบความแข็งแกร่ง (Strength) และความคล่องแคล่ว (Dexterity) แบบเสียเปรียบในช่วงเวลานี้
ยั่วยวน (Alluring)
ผิวและเสียงของคุณจะปรับเปลี่ยนได้ ทำให้คุณสามารถเพิ่มความสวยงามและการแสดงออก คุณจะได้ทอยทดสอบเสน่ห์ (Charisma) แบบได้เปรียบ อย่างไรก็ตาม คุณจะต้องทอยจัดลำดับการต่อสู้แบบเสียเปรียบ
ความว่องไว (Celerity)
คะแนนความคล่องแคล่ว (Dexterity) ขอบคุณจะเพิ่มขึ้น 3 รวมถึงระดับคะแนนสูงสุดด้วย อย่างไรก็ตาม คุณจะต้องทอยป้องกันความรอบรู้ (Wisdom) แบบเสียเปรียบ คะแนนความคล่องแคล่วและค่าสูงสุดของคุณจะเพิ่มขึ้น 4 หากคุณใช้สารเมื่อเลเวล 11 และเพิ่มขึ้น 5 เมื่อใช้ที่เลเวล 18
ผู้ฉลาดล้ำ (Conversant)
คุณจะได้ทอยทดสอบความฉลาด (Intelligence) แบบได้เปรียบ อย่างไรก็ตามคุณจะต้องทอยทดสอบความรอบรู้ (Wisdom) แบบเสียเปรียบ
อำมหิต (Cruelty)
สิ่งที่ต้องมีก่อน: เลเวล 11
เมื่อคุณใช้แอ็คชัน โจมตี (Attack) คุณสามารถโจมตีด้วยอาวุธเพิ่มได้อีกหนึ่งครั้งโดยใช้โบนัสแอ็คชัน อย่างไรก็ตาม คุณจะต้องทอยป้องกันความฉลาด (Intelligence), ความรอบรู้ (Wisdom), และเสน่ห์ (Charisma) แบบเสียเปรียบ
ความคล่องแคล่ว (Deftness)
คุณจะได้ทอยทดสอบความคล่องแคล่ว (Dexterity) แบบได้เปรียบ อย่างไรก็ตาม คุณจะต้องทอยทดสอบความรอบรู้ (Wisdom) แบบเสียเปรียบ
ถ่านไฟ (Embers)
คุณจะมีความต้านทานต่อความเสียหายจากไฟและอ่อนแอต่อความเสียหายจากความเย็น
เยือกแข็ง (Gelid)
คุณจะมีความต้านทานต่อความเสียหายจากความเย็นและอ่อนแอต่อความเสียหายจากไฟ
แทงไม่เข้า (Impermeable)
คุณจะมีความต้านทานต่อความเสียหายแบบแทง และอ่อนแอต่อความเสียหายแบบเฉือน
ยืดหยุ่น (Mobility)
คุณจะมีภูมิคุ้มกันต่อสภาวะ การถูกจับยึด (grappled) และ การถูกจับมัด (restrained) อย่างไรก็ตาม คุณจะต้องทอยทดสอบความแข็งแกร่ง (Strength) แบบเสียเปรียบ ที่เลเวล 11 คุณจะมีภูมิคุ้มกันต่อสภาวะ เป็นอัมพาต (paralyzed) ด้วย
เนตรราตรี (Nighteye)
คุณจะมี ดาร์กวิชัน (darkvision) ระยะ 60 ฟุต ถ้าคุณมีอยู่แล้ว ระยะจะเพิ่มขึ้นอีก 60 ฟุต อย่างไรก็ตาม คุณจะต้องทอยโจมตีและทอยทดสอบความรอบรู้ (Wisdom) ทักษะ การรับรู้ (Perception) ที่ต้องใช้สายตาแบบเสียเปรียบ เมื่อคุณ เป้าหมายที่คุณโจมตี หรือสิ่งใดก็ตามที่คุณพยายามจะรับรู้อยู่กลางแสงแดด
ขยายการรับรู้ (Percipient)
คุณจะได้ทอยทดสอบความรอบรู้ (Wisdom) แบบได้เปรียบ อย่างไรก็ตามคุณจะต้องทอยทดสอบเสน่ห์ (Charisma) แบบเสียเปรียบ
ทรงพลัง (Potency)
คะแนนความแข็งแกร่งของคุณจะเพิ่มขึ้น 3 รวมถึงค่าสูงสุดด้วย อย่างไรก็ตาม คุณจะต้องทอยป้องกันความคล่องแคล่ว (Dexterity) แบบเสียเปรียบ คะแนนความแข็งแกร่งและค่าสูงสุดจะเพิ่มขึ้น 4 หากคุณใช้สารนี้ที่เลเวล 11 และเพิ่มขึ้น 5 เมื่อใช้ที่เลเวล 18
แม่นยำ (Precision)
สิ่งที่ต้องมีก่อน: เลเวล 11
การโจมตีด้วยอาวุธของคุณจะเป็นแบบคริติคัลเมื่อทอยโจมตีได้ 19 หรือ 20 อย่างไรก็ตาม คุณจะต้องทอยป้องกันความแข็งแกร่ง (Strength) แบบเสียเปรียบ
เคลื่อนไหวรวดเร็ว (Rapidity)
ความเร็วของคุณจะเพิ่มขึ้น 10 ฟุต อย่างไรก็ตาม คุณจะต้องทอยทดสอบความฉลาด (Intelligence) แบบเสียเปรียบ ที่เลเวล 15 ความเร็วของคุณจะเพิ่มขึ้นอีก 5 ฟุต
การฟื้นฟู (Reconstruction)
สิ่งที่ต้องมีก่อน: 7th level
เป็นเวลา 1 ชั่วโมง เมื่อเริ่มแต่ละเทิร์นของคุณเมื่อคุณมีฮิตพอยต์อย่างน้อย 1 แต่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของฮิตพอยต์สูงสุดของคุณ คุณจะฟื้นฟูฮิตพอยต์ได้เท่ากับโบนัสความชำนาญของคุณ อย่างไรก็ตาม ความเร็วของคุณจะลดลง 10 ฟุตระหว่างนี้
ความหลักแหลม (Sagacity)
คะแนนความฉลาด (Intelligence) ของคุณจะเพิ่มขึ้น 3 รวมถึงค่าสูงสุดด้วย อย่างไรก็ตาม คุณจะต้องทอยป้องกันเสน่ห์ (Charisma) แบบเสียเปรียบ คะแนนความฉลาดของคุณและค่าสูงสุดจะเพิ่มขึ้น 4 หากคุณใช้สารเมื่อเลเวล 11 และเพิ่มขึ้น 5 เมื่อใช้ที่เลเวล 18
เกราะกำบัง (Shielded)
คุณจะมีความต้านทานต่อความเสียหายแบบเฉือน และคุณจะอ่อนแอต่อความเสียหายแบบกระแทก
คงกระพัน (Unbreakable)
คุณจะมีความต้านทานต่อความเสียหายแบบกระแทก และคุณจะอ่อนแอต่อความเสียหายแบบแทง
สีแดงชาด (Vermillion)
คุณจะได้รับจำนวนครั้งการใช้ความสามารถมนต์โลหิตต้องสาปเพิ่มหนึ่งครั้ง อย่างไรก็ตาม คุณจะต้องทอยป้องกันการตายแบบเสียเปรียบ
ภาคีแห่งวิญญาณต้องสาป (Order of the Profane Soul)
บลัดฮันเตอร์ผู้เป็นสมาชิกแห่งภาคีแห่งวิญญาณต้องสาปฝ่าขีดจำกัดของศาสตร์โลหิตเพื่อนำไปใช้กับสิ่งมีชีวิตอันน่าสยดสยองที่กำลังกัดกินโลก ปีศาจโบราณและผู้ใช้เวทย์มนต์ชั่วร้ายใช้ความสามารถของพวกมันในการก่อการร้ายอยู่เบื้องหลัง และหลบหนีผู้ที่คอยไล่ล่าพวกมัน พรางตัวหายไปในราชสำนักขุนนางโดยไร้ร่องรอย หรือสะกดจิตใจนักรบผู้ภักดีให้ตกอยู่ภายใต้อาณัติอย่างง่ายดาย เป็นที่มาของบลัดฮันเตอร์ผู้ก่อตั้งภาคีนี้ที่เชื่อมั่นในความมุ่งมั่นของตนและดำดิ่งลงสู่ความมืดมิดของความรู้อันตรายแบบเดียวกันกับพวกมัน ทำสัญญากับปีศาจเพื่อให้ได้พลังการต่อสู้ที่สามารถต่อกรกับศัตรูที่ร้ายกาจยิ่งขึ้น และแม้ว่าพวกเขาอาจต้องจ่ายบางส่วนของพวกเขาเพื่อพลังอำนาจ แต่สมาชิกทุกคนก็รู้ดีว่าพลังที่ได้รับนั้นเกิดกว่าคำว่าคุ้มค่าสำหรับสิ่งที่เสียไป
ผู้อุปถัมภ์จากต่างโลก (Otherworldly Patron)
เมื่อคุณถึงเลเวล 3 คุณจะกล้าท้าทายไปต่อรองกับตัวตนจากต่างโลกที่คุณเลือก:
- อาร์คเฟย์ เจ้าแห่งเหล่าเฟย์, ฟีนด์ ปีศาจนรก, หรือเทพบรรพกาล (The Great Old One) รายละเอียดมีอยู่ใน คู่มือผู้เล่น
- ผุ้เป็นอมตะ (The Undying) จาก คู่มือนักผจญภัยแห่งคาบสมุทรดาบ (Sword Coast Adventurer’s Guide)
- เซเลสเทียลหรือเฮกซ์เบลด จาก คู่มือสรรพสิ่งของซานาธาร์ (Xanathar’s Guide to Everything)
- ผู้อยู่ลึกสุดหยั่ง (The Fathomless) หรือจีนี่ (Genie) จาก หม้อใหญ่แห่งสรรพสิ่งของทาชาร์ (Tasha’s Cauldron of Everything)
- อันเดด จาก คู่มือแนะนำราเวนล็อฟท์ของแวน ริชเทน (Van Richten’s Guide to Ravenloft)
ตัวเลือกที่คุณเลือกจะมีผลกับความสามารถของคลาสย่อยนี้ ดังรายละเอียดด้านล่าง
เวทย์พันธสัญญา (Pact Magic)
ที่เลเวล 3 เช่นกัน คุณจะเสริมความสามารถในการต่อสู้ด้วยการใช้เวทย์มนต์ ดู บทที่ 10 ของ คู่มือผู้เล่น สำหรับกฏทั่วไปในการใช้คาถา และ บทที่ 11 ของ คู่มือผู้เล่น สำหรับรายการคาถาของวอร์ล็อค
แคนทริป (Cantrips) คุณจะเรียนรู้คาถาระดับแคนทริป 2 คาถาตามที่คุณเลือกจากรายการคาถาของวอร์ล็อค คุณจะเรียนรู้คาถาแคนทริปของวอร์ล็อคเพิ่มเติมตามที่คุณเลือกเมื่อถึงเลเวล 10
สล็อตคาถา (Spell Slots) ตารางการใช้คาถาของภาคีแห่งวิญญาณต้องสาปแสดงจำนวนสล็อตคาถาที่คุณมี ตารางยังแสดงเลเวลของสล็อตด้วย สล็อตคาถาทั้งหมดของคุณจะเป็นเลเวลเดียวกัน ในการร่ายคาถาวอร์ล็อคเลเวล 1 คาถาหนึ่ง คุณต้องจ่ายสล็อตคาถาหนึ่งสล็อต คุณจะได้รับสล็อตคาถาที่ใช้ไปคืนทั้งหมดเมื่อจบการพักสั้นหรือพักยาว
ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณเลเวล 8 คุณจะมีสล็อตคาถาเลเวลสอง จำนวน 2 สล็อต ในการใช้คาถาเลเวลหนึ่ง สายฟ้าแม่มด (witch bolt) คุณต้องจ่ายสล็อตหนึ่งจากจำนวนสล็อตคาถานั้น และคุณจะใช้คาถานั้นด้วยสล็อตคาถาเลเวล 2
คาถาเลเวล 1 และสูงกว่าที่คุณรู้ (Spells Known of 1st Level and Higher) ที่เลเวล 3 คุณจะรู้คาถาเลเวล 1 ที่คุณเลือก จากรายการคาถาของวอร์ล็อค
คอลัมภ์ คาถาที่รู้ ในตารางการใช้คาถาของภาคีแห่งวิญญาณต้องสาปแสดงว่าเมื่อใดที่คุณจะได้เรียนรู้คาถาของวอร์ล็อคเพิ่มขึ้น สำหรับคาถาเลเวล 1 และสูงกว่า คาถาที่คุณเลือกต้องเป็นคาถาที่มีเลเวลไม่สูงไปกว่าเลเวลสล็อตคาถาที่แสดงในคอลัมภ์ เลเวลสล็อตคาถา ในแถวเลเวลของคุณ เช่น เมื่อคุณถึงเลเวล 13 คุณจะเรียนคาถาวอร์ล็อคใหม่ ซึ่งอาจจะเป็นคาถาเลเวล 1, 2 หรือ 3 ก็ได้
นอกจากนั้น เมื่อคุณเพิ่มเลเวลในคลาสนี้ คุณสามารถเลือกคาถาวอร์ล็อคหนึ่งคาถาที่คุณรู้และแทนที่มันกับคาถาอื่นจากรายการคาถาของวอร์ล็อค ซึ่งต้องเป็นคาถาที่มีเลเวลเดียวกับที่คุณมีสล็อตคาถาเลเวลนั้น
ความสามารถที่ใช้ในการใช้คาถา (Spellcasting Ability) ความสามารถที่ใช้ในการใช้ศาสตร์โลหิต (ความฉลาดหรือความรอบรู้) ที่คุณเลือก จะเป็นความสามารถที่ใช้ในการใช้คาถาของวอร์ล็อค ดังนั้นคุณจะใช้ความสามารถที่ใช้ศาสตร์โลหิตเมื่อใดก็ตามที่คาถากล่าวถึงความสามารถที่ใช้ในการใช้คาถา นอกจากนั้น คุณจะใช้ค่าโมดิไฟเออร์จากความสามารถที่ใช้ศาสตร์โลหิตในการกำหนดค่า DC ในการทอยป้องกันคาถาวอร์ล็อคที่คุณร่าย และเมื่อต้องทอยโจมตีด้วยเวทย์มนต์
ค่าความยากในการป้องกันคาถา (Spell Save DC) = 8 + โบนัสความชำนาญ + ค่าโมดิไฟเออร์ความสามารถที่ใช้ในการใช้ศาสตร์โลหิต
ค่าโมดิไฟเออร์การทอยโจมตีด้วยคาถา (Spell attack modifier) = โบนัสความชำนาญ + ค่าโมดิไฟเออร์ความสามารถที่ใช้ในการใช้ศาสตร์โลหิต
ารางการใช้คาถาของภาคีแห่งวิญญาณต้องสาป
เลเวลบลัดฮันเตอร์ | แคนทริปที่รู้ | คาถาที่รู้ | จำนวนสล็อตคาถา | เลเวลของสล็อตคาถา |
---|---|---|---|---|
3rd | 2 | 2 | 1 | 1st |
4th | 2 | 2 | 1 | 1st |
5th | 2 | 3 | 1 | 1st |
6th | 2 | 3 | 2 | 1st |
7th | 2 | 4 | 2 | 2nd |
8th | 2 | 4 | 2 | 2nd |
9th | 2 | 5 | 2 | 2nd |
10th | 3 | 5 | 2 | 2nd |
11th | 3 | 6 | 2 | 2nd |
12th | 3 | 6 | 2 | 2nd |
13th | 3 | 7 | 2 | 3rd |
14th | 3 | 7 | 2 | 3rd |
15th | 3 | 8 | 2 | 3rd |
16th | 3 | 8 | 2 | 3rd |
17th | 3 | 9 | 2 | 3rd |
18th | 3 | 9 | 2 | 3rd |
19th | 3 | 10 | 2 | 4th |
20th | 3 | 11 | 2 | 4th |
พิธีกรรมรวมสมาธิ (Rite Focus)
เริ่มที่เลเวล 3 อาวุธของคุณจะกลายเป็นสื่อนำพลังจากพันธสัญญากับผู้อุปถัมภ์ของคุณ ขณะที่คุณเปิดใช้พิธีกรรมสีชาด คุณสามารถใช้อาวุธของคุณเป็นสิ่งรวมสมาธิในการใช้คาถาสำหรับคาถาวอร์ล็อคของคุณ และคุณจะได้รับผลประโยชน์เฉพาะจากพันธสัญญาที่คุณเลือก
อาร์คเฟย์ (The Archfey) เมื่อคุณสร้างความเสียหายให้สิ่งมีชีวิตหนึ่งด้วยอาวุธที่คุณเปิดใช้งานพิธีกรรมสีชาด สิ่งมีชีวิตนั้นจะเรืองแสงบาง ๆ จนกว่าจะจบเทิร์นถัดไปของคุณ ภายในช่วงเวลานั้น สิ่งมีชีวิตจะไม่ได้รับผลพิเศษจากสิ่งกำบังหรือจากการ ล่องหน (invisible)
เซเลสเทียล (The Celestial) โดยใช้โบนัสแอ็คชัน คุณจะจ่ายการใช้งานความสามารถมนต์โลหิตต้องสาปหนึ่งครั้งในการฟื้นฟูสิ่งมีชีวิตหนึ่งที่คุณสามารถมองเห็นได้ภายในระยะ 60 ฟุตจากตัวคุณ สิ่งมีชีวิตนั้นจะได้รับฮิตพอยต์เป็นจำนวนเท่ากับผลจากการทอยลูกเต๋าศาสตร์โลหิตหนึ่งลูก + ค่าโมดิไฟเออร์ความสามารถที่ใช้ในการใช้ศาสตร์โลหิตของคุณ (น้อยสุด +1)
ผู้อยู่ลึกสุดหยั่ง (The Fathomless) คุณสามารถหายใจในน้ำได้ นอกจากนั้น ครั้งหนึ่งต่อเทิร์นเมื่อคุณสร้างความเสียหายต่อสิ่งมีชีวิตหนึ่งด้วยอาวุธที่คุณเปิดใช้งานพิธีกรรมสีชาด คุณสามารถลดความเร็วของสิ่งมีชีวิตนั้นลง 10 ฟุตจนกว่าจะเริ่มเทิร์นถัดไปของคุณ
ปีศาจ (The Fiend) ขณะที่คุณใช้พิธีกรรมแห่งไฟ ถ้าคุณทอยหาความเสียหายได้ 1 หรือ 2 เมื่อคุณทอยหาความเสียหายพิเศษที่เกิดจากพิธีกรรม คุณสามารถทอยลูกเต๋าได้ใหม่และเลือกค่าที่ต้องการได้
จีนี (The Genie) โดยใช้โบนัสแอ็คชัน คุณสามารถจ่ายเป็นการใช้งานมนต์โลหิตต้องสาปหนึ่งครั้งเพื่อให้ความเร็วใน การบิน (flying) เป็นระยะ 30 ฟุต ซึ่งจะคงอยู่เป็นจำนวนรอบ (round) เท่ากับค่าโมดิไฟเออร์ศาสตร์โลหิตของคุณ (น้อยสุด 1 รอบ)
เทพบรรพกาล (The Great Old One) เมื่อคุณทอยโจมตีได้คริติคัล สิ่งมีชีวิตเป้าหมายและสิ่งมีชีวิตอื่นที่คุณเลือกที่อยู่ภายในระยะ 10 ฟุตจากมันจะติดสภาวะ หวาดกลัว (frightened) คุณ จนกว่าจะจบเทิร์นถัดไปของคุณ
เฮกซ์เบลด (The Hexblade) เมื่อคุณใช้คำสาปโลหิตกับเป้าหมายได้สำเร็จ ครั้งถัดไปที่คุณโจมตีสิ่งมีชีวิตนั้นขณะที่คำสาปยังมีผล การโจมตีจะสร้างความเสียหายพิเศษเพิ่มเติมเท่ากับค่าโมดิไฟเออร์ความชำนาญของคุณ
อันเดด (The Undead) เมื่อคุณได้รับความเสียหายแบบเน่าสลาย คุณสามารถใช้รีแอ็คชันในการลดความเสียหายลงครึ่งหนึ่ง นอกจากนั้น รูปลักษณ์ของคุณจะเปลี่ยนไปเป็นภาพสะท้อนของผู้อุปถัมภ์ของคุณขณะที่คุณใช้พิธีกรรมสีชาด
ผู้เป็นอมตะ (The Undying) เมื่อคุณลดความอันตรายของสิ่งมีชีวิตลง (DM เป็นผู้กำหนด) หรือจนถึงฮิตพอยต์เป็น 0 คุณจะฟื้นฟูฮิตพอยต์ของคุณได้เป็นจำนวนเท่ากับการทอยลูกเต๋าศาสตร์โลหิตหนึ่งครั้ง
ความดุดันทางเวทย์มนต์ (Mystic Frenzy)
เริ่มที่เลเวล 7 เมื่อคุณใช้แอ็คชันในการร่ายคาถาระดับแคนทริป คุณสามารถโจมตีด้วยอาวุธได้ทันทีด้วยโบนัสแอ็คชัน
เผยความลับเวทย์ (Revealed Arcana)
ที่เลเวล 7 ผู้อุปถัมภ์ของคุณจะมอบคาถาเฉพาะให้คุณโดยขึ้นอยู่กับพันธสัญญาที่คุณทำไว้ คุณจะใช้คาถานี้โดยใช้สล็อตคาถาพันธสัญญา (pact magic spell slot) และไม่สามารถใช้ได้อีกจนกว่าจะจบการพักยาว
อาร์คเฟย์ (The Archfey) คุณสามารถใช้คาถา พร่ามัว (blur).
เซเลสเทียล (The Celestial) คุณสามารถใช้คาถา การฟื้นฟูระดับล่าง (lesser restoration).
ผู้อยู่ลึกสุดหยั่ง (The Fathomless) คุณสามารถใช้คาถา ลมกระโชก (gust of wind).
ปีศาจ (The Fiend) คุณสามารถใช้คาถา รังสีแผดเผา (scorching ray).
จีนี่ (The Genie) คุณสามารถใช้คาถา ปรากฏการณ์หลอนจิต (phantasmal force).
เทพบรรพกาล (The Great Old One) คุณสามารถใช้คาถา ตรวจจับความคิด (detect thoughts).
เฮกซ์เบลด (The Hexblade) คุณสามารถใช้คาถา ทัณฑ์ตีตรา (branding smite).
อันเดด (The Undead) คุณสามารถใช้คาถา ตาบอด/หูหนวก (blindness/deafness).
ผู้เป็นอมตะ (The Undying) คุณสามารถใช้คาถา ไร้สรรพเสียง (silence).
ตราประทับแห่งรอยแผลเป็นจุดอ่อน (Brand of the Sapping Scar)
เมื่อถึงเลเวล 11 ตราประทับแห่งการลงทัณฑ์ (Brand of Castigation) ของคุณจะขุดลึกลงในรอยแผลเป็นทางเวทย์มนต์ของเป้าหมาย ทำให้มันอ่อนแอต่อเวทย์มนต์ของคุณ สิ่งมีชีวิตที่ถูกตีตราโดยคุณจะต้องทอยป้องกันแบบเสียเปรียบต่อคาถาวอร์ล็อคของคุณ
ปลดผนึกเวทย์ (Unsealed Arcana)
ที่เลเวล 15 ผู้อุปถัมภ์ของคุณจะมอบคาถาเพิ่มเติมให้คุณใช้ได้โดยขึ้นอยู่กับพันธสัญญาขอคุณ คุณจะใช้คาถาเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องใช้สล็อตคาถา และจะไม่สามารถใช้ได้อีกจนกว่าคุณจะจบการพักยาว
อาร์คเฟย์ (The Archfey) คุณสามารถใช้คาถา เชื่องช้า (slow).
เซเลสเทียล (The Celestial) คุณสามารถใช้คาถา ฟื้นคืนชีพ (revivify).
ผู้อยู่ลึกสุดหยั่ง (The Fathomless) คุณสามารถใช้คาถา ศรสายฟ้า (lightning bolt).
ปีศาจ (The Fiend) คุณสามารถใช้คาถา ลูกไฟ (fireball).
จีนี่ (The Genie) คุณสามารถใช้คาถา ป้องกันจากพลังงาน (protection from energy).
เทพบรรพกาล (The Great Old One) คุณสามารถใช้คาถา เพิ่มความเร็ว (haste).
เฮกซ์เบลด (The Hexblade) คุณสามารถใช้คาถา เคลื่อนย้ายในพริบตา (blink).
อันเดด (The Undead) คุณสามารถใช้คาถา คุยกับคนตาย (speak with dead).
ผู้เป็นอมตะ (The Undying) คุณสามารถใช้คาถา มอบคำสาป (bestow curse).
คำสาปโลหิตแห่งผู้กินวิญญาณ (Blood Curse of the Souleater)
เริ่มที่เลเวล 18 คุณจะเรียนรู้การสูบพลังชีวิตจากเหยื่อของคุณที่ตายแล้ว คุณจะได้รับคำสาปโลหิตแห่งผู้กินวิญญาณสำหรับความสามารถมนต์โลหิตต้องสาปของคุณ คำสาปนี้จะไม่นับรวมกับจำนวนคำสาปโลหิตที่คุณรู้